กระดานสุขภาพ

อัณฑะบิดตัว
Anonymous

8 พฤศจิกายน 2559 06:46:57 #1

สวัสดีค่ะ ดิฉันขอสอบถามโรคนี้ให้แฟนหน่อยค่ะ แฟนเป็นชาวดัตช์ อายุ 29 ปี อยู่เนเธอแลนด์ อาการเริ่มแรก เขาปวดท้องแล้วเดินลำบาก แต่ก็ไปทำงานแต่วันที่ 31 เดือนตุลาคม มีอาการปวดมากขึ้น แล้วมีไข้สูง เดินแล้วปวดท้องมาก เลยตัดสินใจไปหาหมอ หมอก็ให้ยาแก้ปวดมากินแล้วให้ดูอาการ 3วัน แต่แฟนปวดมากกว่าเดิม จนตัดสินใจไปหาหมออีกครั้งวันที่ 4 พย จนพบว่าเป็นโรคนี้ อาการที่เพิ่มมากขึ้น คือ ลูกอัณฑะบวมโต แดง และปวดมาก แล้วหมอได้บอกกับแฟนว่า เนื้อเยื่อที่อัณฑะได้ตายแล้ว เลือดไม่ไปเลี้ยง แฟนกับดิฉันเสียใจมาก เพราะหมอบอกว่าอาจไม่สามารถมีลูกได้ อาการของวันนี้ ล่าสุดคือ เดินได้ไม่ปวดท้อง แต่ปวดลูกอัณฑะ และยังบวมแดงอยู่ การดูแลคนไข้ และวินิฉัยโรคที่นั่นทำให้เรากลัวมาก เลยอยากถามคุณหมอว่า ตอนนี้แฟนมาพักที่บ้าน และกินยาที่หมอให้ อยากได้คำแนะนำเพิ่มเติมถึงการดูแลรักษาโรคนี้ และมีวิธีไหนบ้างที่ทำให้เป็นปกติ และสามารถมีลูกได้ เราสองคนอยากมีลูกมากๆค่ะ ไม่อยากให้แฟนเป็นหมัน ขอบคุณค่ะ

อายุ: 29 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 69 กก. ส่วนสูง: 178ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.78 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

9 พฤศจิกายน 2559 04:04:49 #2

ลูกอัณฑะอักเสบมีหลายสาเหตุ ถ้ามีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ เช่นมีคู่นอนหลายคน ไม่ใช้ถุงยางอนามัย ก็อาจจะติดเชื้อ เช่นหนองในและหนองในเทียม ซึ่งจะมีอาการมีหนองออกจากท่อปัสสาวะร่วมกับอาการปัสสาวะแสบขัด ต่อมาลูกอัณฑะบวมโตและเจ็บ
โรคหนองในเกิดจากเชื้อ แบคทีเรียที่เรียกว่า Neisseria gonorrhoeae ประมาณ 50% พบว่ามีการติดเชื้อหนองในเทียมร่วมด้วยซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อ Chlamydia tracomatis การรักษาต้องรักษาทั้ง 2 โรคไปพร้อมกัน ยาที่ดีที่สุดสำหรับโรคหนองใน คือ Ceftriaxone เป็นยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อบริเวณสะโพก ขนาดที่ใช้คือ 250
มิลลิกรัม เข็มเดียวได้ผล 95-100 % ในกรณีที่มีการอักเสบของลูกอัณฑะร่วมด้วย อาจจะต้องฉีดติดต่อกัน 5-7 วัน สำหรับหนองในเทียมให้ใช้ doxycycline กินครั้งละ 100 มิลลิกรัม เช้า เย็น นาน 2 อาทิตย์ ต้องรักษาคู่นอนด้วย แต่ถ้าแน่ใจว่าทั้งคุณและแฟนไม่มีความเสี่ยงก็อาจจะมีสาเหตุอื่นเช่น ขั้วอัณฑะบิดหรือการติดเชื้อไวรัสบางชนิด เป็นต้น ส่วนเรื่องเป็นหมันนั้น ถ้ามีการอักเสบเพียงข้างเดียว ลูกอัณฑะอีกข้างก็ยังสามารสร้างน้ำอสุจิได้ ก็ยังมีโอกาสที่จะมีลูก ซึ่งต้องตรวจน้ำอสุจิ น้ำอสุจิ (Semen)จะ ประกอบด้วยตัวอสุจิและน้ำหล่อเลี้ยงต่างๆ เป็นของเหลวลักษณะสีขาวข้นที่หลั่งออกโดยผู้ชาย เมื่อถึงจุดสุดยอดเมื่อมีเพศสัมพันธ์ หรือจากการสำเร็จความใคร่ หรือขับมาตามธรรมชาติที่เรียกว่าฝันเปียก โดยการหลั่งน้ำอสุจิแต่ละครั้งประมาณ 3-4 ซีซี มีจำนวนตัวอสุจิเฉลี่ยประมาณ 300-500 ล้านตัว ส่วนประกอบที่สำคัญในน้ำอสุจิคือน้ำหล่อเลี้ยงต่างๆที่ช่วยให้ตัวอสุจิมีชีวิตและแหวกว่ายไปผสมกับไข่ที่ท่อรังไข่ของผู้หญิง โดยทั่วไปจะมีสีขาวขุ่น อาจมีสีแตกต่างกันไปได้ ส่วนการตรวจเรื่องหมันต้องตรวจจากน้ำอสุจิที่ได้สดๆโดยการใช้กล้องจุลทรรศน์นับจำนวน ดูการเคลื่อนไหว ดูรูปร่าง จึงจะบอกได้ว่าเป็นหมันหรือไม่ โดยสรุป ให้รักษาต่อเนื่องกับหมอระบบสืบพันธ์และทางเดินปัสสาวะครับ