ขอตอบคำถามคุณแม่ทีละข้อนะครับ

1. กรณีหายใจแรงและมีเสียงดังซึ่งได้ยินโดยไม่ต้องใช้หูฟัง (stethoscope) น่าจะเกิดจากภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนต้น ซึ่งอาจมีการอุดกั้นได้ทุกระดับตั้งแต่จมูกจนถึงหลอดลม สาเหตุที่พบบ่อยได้แก่

1. ภูมิแพ้จมูก (allergic rhinitis) เมื่อสัมผัสกับสิ่งกระตุ้นเด็กจะมีอาการน้ำมูกไหล จาม คันจมูกและคัดจมูกจากเนื้อเยื่อจมูกด้านในบวม ซึ่งทำให้เกิดเสียงดังตอนนอนได้ ถ้าอาการเข้าได้ คุณแม่ควรพาน้องไปตรวจร่างกายจะพบว่าเนื้อเยื่อจมูกด้านในจะบวม ซีด ซึ่งต่างจากการเป็นหวัดจากการติดเชื้อจะบวม แดง
2. ต่อมทอนซิลและอดีนอยด์โต (Adenotonsillar hypertrophy) ทำให้หายใจเสียงดังตอนนอนได้เช่นกัน ตรวจร่างกายจะพบต่อมทอนซิลโต ส่วนต่อมอดีนอยด์ต้องเอกซเรย์
3. ภาวะอ้วน สามารถทำให้หายใจแรงและมีเสียงดังได้เช่นกัน

*** แนะนำให้คุณแม่ถ่ายคลิปวิดีโอให้หมอดูและพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายเพราะยังมีสาเหตุอีกมาก เช่น ลิ้นโต คางสั้น มีก้อนในช่องปาก นอกจากนั้นเรายังประเมินได้ว่าการนอนหายใจเสียงดังนี้อันตรายหรือไม่โดยการตรวจการนอนหลับ (Sleep test)

2. ที่น้องเป็นหวัดและไอบ่อย ไม่ทราบว่ามีไข้ด้วยหรือเปล่าครับเพราะอาจเกิดจากการติดเชื้อหรือภูมิแพ้ได้ โดยถ้าเกิดจากการติดเชื้อก็จะมีไข้ ไอ น้ำมูก ที่เป็นบ่อยมักเกิดจากการติดต่อกันที่โรงเรียนหรือสถานเลี้ยงเด็ก แต่ถ้าเป็นภูมิแพ้มักไม่มีไข้ น้ามูกจะเป็นน้ำมูกใสๆ จาม คันจมูก มีอาการเมื่อเจอปัจจัยกระตุ้นเช่นอากาศเย็น เรื่องไอก็เช่นเดียวกันมักไอช่วงกลางคืน ซึ่งการรักษาทั้งสองกลุ่มต่างกันครับ

3. สาเหตุของการเหนื่อยบ่อย อาจเกิดจากหลายระบบ เราจะสงสัยว่าเป็นโรคหอบหืด เมื่อเด็กมีอาการหอบ หายใจมีเสียงหวีดตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไปร่วมกับ

• มีสิ่งกระตุ้น เช่น การก่อภูมิแพ้ อากาศ ไรฝุ่น
• มีเสียงหวีดโดยที่ไม่ได้เป็นหวัด เช่น อากาศเปลี่ยนแล้วหอบ
• อาการหอบเป็นมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น
• มีประวัติครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้
• มีโรคภูมิแพ้อย่างอื่นร่วมด้วย เช่น ภูมิแพ้จมูก ผิวหนัง ตา
• ตอบสนองอย่างชัดเจนต่อยาขยายหลอดลม

*** ถ้าน้องอายุ 7 ปีแล้วอาจตรวจสมรรถภาพปอดเพื่อวินิจฉัยว่าเป็นโรคหอบหืดได้ครับ

4. วิตามิน ถ้าน้องรับประทานอาหารได้ครบทั้ง 5 หมู่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องกินวิตามินเสริมครับ นอกจากการรับประทานอาหารไม่เหมาะสมและมีอาการของการขาดวิตามิน จึงเสริมวิตามินที่ขาดครับ