คำถามของคุณค่อนข้างยาวมากและมีหลายประเด็นขอแยกประเด็นตอบทีละข้อนะคะ

การคุมกำเนิดโดยการนับวันหรือระยะปลอดภัยหน้า 7 หลัง 7 จะใช้ได้ในกรณีที่คุณมีรอบเดือนมาตรงตามปกติทุก 28-30 วัน ระยะปลอดภัย จะอยู่ในช่วงก่อนที่จะมีประจําเดือน 7 วันและหลังจากมีประจำเดือน 7 วัน โดยยึดวันแรกที่มีประจำเดือน ถือเป็นวันที่ 1 ซึ่งคุณจะต้องสามารถทำนายรอบเดือนถัดไปที่จะมาได้อย่างแม่นยำ เช่น ถ้าคุณสามารถทำนายได้ว่ารอบเดือนถัดไป จะมาวันที่ 10 พฤษภาคม ดังนั้น ระยะปลอดภัยก็จะอยู่ในช่วงประมาณ วันที่ 4 จนถึงวันที่ 16 พฤษภาคม ซึ่งคุณสามารถมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้ โดยไม่ต้องคุมกำเนิดวิธีอื่นเลยคือสามารถหลั่งภายในได้ แต่คุณจะต้องมีรอบเดือนที่ตรงเป๊ะทุกเดือนและทํานายได้อย่างแม่นยำว่ารอบเดือนถัดไปจะมาวันที่เท่าใด แต่ถ้าคุณไม่สามารถทำนายได้ว่ารอบเดือนถัดไปจะมาวันที่เท่าไหร่หรือรอบเดือนมาไม่สม่ำเสมอคุณจะไม่สามารถใช้วิธีการนับวันได้อย่างแน่นอนค่ะ เพราะจะมีความเสี่ยงในเรื่องของการตั้งครรภ์ได้ ดังนั้น วิธีการคุมกำเนิดที่คุณใช้หรือใช้การนับวันในช่วงที่ผ่านมาอาจจะถือว่าไม่ปลอดภัยถ้าคุณมีรอบเดือนไม่ตรงตามปกติค่ะ

ประเด็นที่ 2 คือ คุณทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินยังไม่ถูกวิธีนัก ซึ่งหลักการทานยาคุมฉุกเฉินจะต้องทานทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ไม่เกิน 24 ชั่วโมง หรืออย่างช้าไม่เกิน 72 ชั่วโมง ซึ่งถ้าทานยาช้าผลในการป้องกันการตั้งครรภ์ก็จะลดน้อยลงตามเวลาที่ผ่านไป เพราะอาจจะมีการปฏิสนธิของไข่และอสุจิเรียบร้อยแล้ว ยาคุมฉุกเฉินจะออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์โดยทำให้มูกที่ปากมดลูกมีความเหนียวข้นจนตัวอสุจิไม่สามารถผ่านเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ นอกจากนี้ ยังทำให้ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกด้านในมีความไม่เหมาะสมในการฝังตัวของตัวอ่อน และทำให้ท่อนำไข่มีการเคลื่อนไหวตัวที่ช้าลงจนตัวอสุจิและไข่ไม่สามารถเคลื่อนตัวไปปฏิสนธิกันได้ คุณทานยาคุมฉุกเฉินหลังจากมีเพศสัมพันธ์ไปแล้วประมาณ 40 ชั่วโมง หรือ 2 วัน ซึ่ง อาจน่าจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็คงไม่แน่นอน 100% เพราะทานยาช้าไป หลักการทานยาจะต้องทาน 2 ครั้งครั้งละ 1 เม็ดระยะเวลาห่างกันประมาณ 12 ชั่วโมงแต่ปัจจุบันมีงานวิจัยว่าสามารถทานครั้งเดียว เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ได้โดยทาน 2 เม็ดเลยแต่ก็ยังมีงานวิจัยที่คัดค้านว่าวิธีนี้อาจจะได้ผลไม่ดีเท่ากับการแบ่งการทานยาห่างกันทุก 12 ชั่วโมง คงต้องดูผลลัพธ์ต่อไป หลังการทานยานั้นอาจจะมีภาวะแทรกซ้อนหรือมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดได้และรอบเดือนถัดไปมีความคลาดเคลื่อนได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้เกิดภาวะแทรกซ้อนมีกับสตรีทุกคนที่รับประทานยาคุมฉุกเฉิน ตอนนี้หมอแนะนำว่าคุณควรสังเกตอาการไปก่อน และถ้าไม่สบายใจหมอแนะนำให้คุณทำการตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์โดยควรทำการตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปแล้วประมาณ 3 สัปดาห์ ถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์ในช่วงประมาณวันที่ 27 ของเดือน ดังนั้น คุณควรทำการตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์หลังจากวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ไปแล้ว ผลการตรวจจึงจะเชื่อถือได้แต่ถ้าคุณมีความร้อนใจก็อาจจะทำการตรวจเลือดเพื่อตรวจดูระดับฮอร์โมน free Beta hcg ได้โดยไปขอทำการตรวจที่โรงพยาบาลซึ่งสามารถทำการตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ ผลการตรวจจึงจะเชื่อถือได้ เพราะผลเลือดจะสามารถตรวจได้เร็วกว่าการตรวจปัสสาวะค่ะ แต่ทั้งนี้อยู่ในเงื่อนไขที่หลังจากวันที่ 27 มาแล้วคุณไม่เคยมีเพศสัมพันธ์อีกเลย ผลการตรวจดังกล่าวจะเชื่อถือได้ แต่ถ้าหลังจากวันที่ 27 คุณมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันอีก ก็จะต้องขยับวันตามออกไปอีกค่ะ

ขอบคุณค่ะคุณหมอ เพราะเวลาหาความรู้จากในเน็ตก็เจอแต่ว่าสามารถกินเม็ดที่สอง (ภายใน) 12 ชม. หนูก็เข้าใจว่าสามารถทานตอนไหนก็ได้ขอแค่ไม่เกิน12ชม. แล้วบางบทความก็บอกว่าสามารถทานได้พร้อมกันให้ผลต่างกันไม่มากก็เลยคิดว่าไม่น่าเป็นอะไร ***ขออัพเดตสถานะการค่ะคุณหมอ เมื่อวานวันที่7 พ.ค. มีลักษณะคล้ายๆกับเลือด แต่ก็ยังไม่ชัดค่ะ เป็นสีน้ำตาลทีี่ผ้าอนามัยอต่ไม่ได้เยอะเท่า ปจด. แบบนี้สามารถคอนเฟิร์มได้บ้างมั้ยว่ายังไม่ท้องคะ เพีาะปกติแต่ละเดือนก่อน ปจด. มาตะมีเลือดสีน้ำตาลประมาณนี้ออกมาก่อน1วัน บวกกับตอนนี้มีอาการปวดท้องเหมือนประจำเดือนจะมาค่ะ แต่ยังไม่มีวี่แววของเลือด ปจด.ชัดๆเลย

เลือดที่ออกมาน่าจะเป็นผลมาจากการทานยาคุมฉุกเฉินค่ะ ลองวสังเกตอาการไปก่อนได้ แต่ถ้าไม่มั่นใจคุณสามารถตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์ได้ โดยควรทำการตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปแล้ว 3 สัปดาห์ ถ้าตรวจเลือดดูระดับฮอร์โมน free beta hCG ก็สามารถตรวจได้หลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปแล้ว 2 สัปดาห์ค่ะ