ในกรณีที่คุณมีการป้องกันการตั้งครรภ์เป็นอย่างดีก็ไม่ควรมีความเสี่ยงเรื่องการตั้งครรภ์ การตรวจปัสสาวะทดสอบการตั้งครรภ์จะเชื่อถือได้ถ้าได้ทำการตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปแล้วประมาณ 3 สัปดาห์ ถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์นานมาแล้วเกิน 3 อาทิตย์ ผลการตรวจว่าไม่ตั้งครรภ์ก็เชื่อถือได้แน่นอน คุณมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ ควรจะต้องทำการตรวจปัสสาวะ ช่วงวัน 16 มีนาคมไปแล้ว ซึ่งการตรวจช่วงนี้ผลน่าจะเชื่อถือได้อย่างแน่นอน การที่รอบเดือนคุณมาไม่ปกติน่าจะมีสาเหตุมาจากการทำของรังไข่ที่ไม่ปกติ เช่น ภาวะไข่ไม่ตกหรือเป็นกลุ่มอาการของถุงน้ำที่รังไข่ ที่เราเรียกว่า PCOS (polycystic ovarian Syndrome) ภาวะนี้มักจะพบในสตรีที่มีน้ำหนักตัวมาก ซึ่งจะมีผลทำให้รังไข่ทำงานไม่ปกติ เพราะผิวรังไข่จะมีความหนาตัวมากจนไข่ไม่สามารถตกได้ เมื่อไข่ไม่ตกก็จะขาดการสร้างฮอร์โมนโปรเจสโตรเจน ซึ่งจะทำให้ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกมีการหลุดลอกตัวออกไม่ได้ตามปกติ ถ้าเยื่อบุโพรงมดลูกมีความหนาตัวมาก หรือไม่มีรอบเดือนมานานเกิน 3 เดือน อาจจะมีความเสี่ยงในเรื่องของมะเร็งผนังเยื่อบุโพรงมดลูกได้ ดังนั้น ควรจะต้องทานฮอร์โมนเพื่อให้มีรอบเดือนมาตามปกติ โดยสามารถทานฮอร์โมนโปรเจสโตเจน 7-10 วันรอบเดือนก็จะมาได้ การควบคุมให้รอบเดือนเป็นปกตินั้น ควรจะต้องลดน้ำหนักตัวลงด้วยเพื่อให้ไข่สามารถตกได้ตามปกติ ส่วนการวินิจฉัยภาวะนี้ควรจะต้องใช้อัลตราซาวด์ในการประเมิน ดูลักษณะของรังไข่ว่าเป็นถุงน้ำหรือไม่เพราะอัลตร้าซาวจะเห็นลักษณะของรังไข่มีลักษณะคล้ายถุงน้ำคล้ายพวงองุ่นเกาะกันอยู่ ซึ่งจะช่วยในการวินิจฉัยภาวะนี้ได้ค่ะ

ใช่ค่ะควรทำการตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์ร่วมด้วยอีกครั้งหนึ่งจะได้มั่นใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์อย่างแน่นอนค่ะ ถ้ารอบเดือนยังไม่มาก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรับฮอร์โมนมาทานให้ประจำเดือนมาตามปกติค่ะ หรืออาจจะหาซื้อฮอร์โมนโปรเจสโตเจนตามร้านขายยาที่มีเภสัชกรประจำร้านมารับประทานก็ได้ทานนานประมาณ 7-10 วันรอบเดือนก็จะมาได้ค่ะ