กระดานสุขภาพ

หลังจากประจำเดือนหมดแล้วมีเลือดออกกระปริดกระปรอย
Nong*****n

19 พฤศจิกายน 2561 05:57:02 #1

ไประจำเดือนหมดแล้วประมาณ 5-7 วัน หลังจากนั้นจะมีเลือดออกมากระปริดกรปรอย เป็นมาหลายเดือนแล้วคะ ไปอัลตร้าซาวด์มามดลูกปกติ รังไข่ ปกติ ไม่มีเนื้องอกคะ คุณหมอแนะนำให้กินยาคุม พึงเริ่มกินเดือนนี้ หลังประจำเดือนหมดไป ได้ 2 วัน เลือดมาเลยคะ

จะมาไม่มาก เลอะๆๆเปรอะๆๆคะ 

อายุ: 40 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 59 กก. ส่วนสูง: 159ซม. ดัชนีมวลกาย : 23.34 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

19 พฤศจิกายน 2561 17:55:46 #2

คุณอายุ 40 ปีในกรณีที่มีเลือดออกผิดปกติเกิน 7 วันถือว่ามีความผิดปกติค่ะ คุณควรให้แพทย์ทำการตรวจอัลตราซาวด์เพื่อดูว่าผนังเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวด้วยหรือไม่ ถ้ามีความหนาตัวมากอาจจะต้องทำการขูดมดลูกเพื่อวินิจฉัยว่ามีความผิดปกติที่ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกด้วยหรือไม่ ถ้ามีความผิดปกติคือผนังหนามากกว่าปกติ ควรจะต้องทำการขูดมดลูกร่วมด้วยเพื่อวินิจฉัยว่ามีความผิดปกติอื่นใด เช่น มะเร็งของผนังเยื่อบุโพรงมดลูกหรือไม่ จะได้รับการรักษาได้อย่างถูกต้องต่อไปค่ะ การทานยาคุมกำเนิดนั้นส่วนใหญ่จะทานในกรณีที่ มีเลือดออกผิดปกติในคนไข้ที่มีอายุน้อยและสงสัยว่าอาจจะมีความผิดปกติของรังไข่หรือการทำงานของรังไข่ไม่ปกติ เป็นกลุ่มอาการของถุงน้ำที่รังไข่ การทานฮอร์โมนโปรเจสโตเจนหรือยาเม็ดคุมกำเนิดจะช่วยในการรักษาภาวะดังกล่าวได้ แต่ในคนที่อายุ 40 ปีขึ้นไปนั้น ควรจะต้องวินิจฉัยก่อนในเรื่องของมะเร็งผนังเยื่อบุโพรงมดลูกเพราะมีการรักษาที่แตกต่างกันไปค่ะ

Nong*****n

20 พฤศจิกายน 2561 08:57:28 #3

ประจำเดือนมาปกติ 3-4 วัน หมดไปแล้วคะ  ต่อจากนั้นนับไปอีกประมาณ 5 วัน จะมีเลือดกระปริดประปรอย มาอีกประมาณ 4 วัน ไปอัตราซาวมาแล้วปกติทุกอย่างคะ

รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

21 พฤศจิกายน 2561 06:42:05 #4

ถ้าผนังเยื่อบุโพรงมดลูกไม่ได้หนาตัวมาก แพละแพทย์ที่เคยตรวจครั้งแรก ไม่ได้สงสัยเรื่องของมะเร็งผนังเยื่อบุโพรงมดลูก ก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำการขูดมดลูกเพื่อทำการตรวจวินิจฉัยหรือดูดเอาเนื้อในโพรงมดลูกไปตรวจเพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติมว่ามีมะเร็งของผนังเยื่อบุโพรงมดลูกหรือไม่ แต่อาจจะต้องรับประทานฮอร์โมนโปรเจสโตเจนเพื่อควบคุมให้รอบเดือนเป็นปกติต่อไปค่ะ ทั้งนี้ คุณควรกลับไปพบแพทย์อีกครั้งหนึ่งที่ดูแลคุณอยู่เพราะแพทย์มีผลการตรวจวินิจฉัยเบื้องต้นแล้วจะได้ทำการรักษาได้อย่างต่อเนื่องต่อไป