กระดานสุขภาพ
ปกติประจำเดือนมาตรง แต่ตอนนี้ขาดหลายวันแล้ว | |
---|---|
11 พฤศจิกายน 2561 05:50:56 #1 ปกติเป็นคนที่ประจำเดือนมาตรงทุกเดือนค่ะ โดยแต่ล่ะรอบห่าง35วัน ล่าสุดมาวันที่28 กันยายน มา7วัน ดิฉันมีเพศสัมพันธ์ไปเมื่อวันที่ 12และ13 ตุลาคม ซึ่งมีการใส่ถุงยางทุกครั้ง แต่ก่อนใส่ถุงยางมีการใช้นิ้วสอดใส่ค่ะ นิ้วของฝ่ายชายเปื้อนน้ำหล่อลื่น และหลังจากนั้นก็มีเพศสัมพันธ์อีกวันที่22และ23ตุลาคมค่ะ ใส่ถุงยางตลอด แต่ตอนฝ่ายชายจะเสร็จได้ถอดถุงยางออกแล้วปล่อยอสุจิบนตัวดิฉัน ไม่ได้ปล่อยภายในช่องคลอด ซึ่งตอนนี้วันที่11พฤศจิกา ประจำเดือนยังไม่มาเลยค่ะื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจเมื่อวานวันที่10พฤศจิกาก็ขึ้นขีดเดียว ตอนนี้มีอาการเจ็บคัดตึงหน้าอกมากมาประมาณ5วัน มีตกขาวใสๆ และมีการอาการอ่อนเพลีย ง่วงนอนตลอดเวลา จะตั้งครรภ์ไหมคะ หรือเป็นผลข้างเคียงจากการที่ในเดือนตุลาคมดิฉันเป็นกรดไหลย้อน และไปฉีดวัคซีนบาดทะยักและวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้ามาด้วยเนื่องจากสุนัขกัด ซึ่งตอนนี้กำลังฉีดได้4เข็ม เหลืออีก1เข็มค่ะ ดิฉันควรทำอย่างไรดีคะ ที่ตรวจไม่เจอเพราะฮอร์โมนยังต่ำอยู่หรือถ้าหากไม่ตั้งครรภ์เพราะอะไรประจำเดือนถึงไม่มา ขอความกรุณาคุณหมอวินิจฉัยให้หน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ |
|
อายุ: 21 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 56 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.57 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์(สูติ-นรีแพทย์) |
12 พฤศจิกายน 2561 00:35:43 #2 ในกรณีที่คุณมีการป้องกันการตั้งครรภ์เป็นอย่างดีโดยการสวมใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ก็ไม่ควรมีความเสี่ยงในเรื่องของการตั้งครรภ์ค่ะ การใช้นิ้วสอดใส่เข้าไปในช่องคลอดนั้นถ้านิ้วของฝ่ายชายไม่ได้ปนเปื้อนน้ำอสุจิมีเพียงน้ำหล่อลื่นก็ไม่ควรมีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ แต่ถ้านิ้วของฝ่ายชายปนเปื้อนน้ำอสุจิด้วยอาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงได้เช่นกัน ดังนั้น ถ้าไม่แน่ใจหมอแนะนำว่าคุณควรทำการตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์ร่วมด้วย โดยควรทำการตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปแล้วประมาณ 3 สัปดาห์ ผลการตรวจจึงจะเชื่อถือได้ แต่ถ้ามีความร้อนใจหรือกังวลใจมาก ก็สามารถทำการตรวจเลือดได้ก่อน โดยจะตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ ผลการตรวจจึงจะเชื่อถือได้ ส่วนอาการเจ็บคัดตึงที่หน้าอกนั้นอาจจะเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายก็ได้ หรือเป็นช่วงที่ใกล้จะมีประจำเดือนมา อาการง่วงนอนอ่อนเพลียนั้นเป็นอาหารที่ไม่จำเพาะ ไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีความสัมพันธ์กับการตั้งครรภ์หรือไม่ ส่วนการฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักหรือป้องกันโรคพิษสุนัขบ้านั้นสามารถฉีดได้ไม่ได้มีผลกระทบในเรื่องของการ ทำให้รอบเดือนผิดปกติหรือทำให้รอบเดือนเกิดความคลาดเคลื่อนแต่อย่างใดค่ะ ความเครียดก็มักจะเป็นสาเหตุทำให้รังไข่ทำงานไม่ปกติ ทำให้รอบเดือนคลาดเคลื่อนได้เช่นกันค่ะ ตอนนี้ถ้ารอบเดือนเลยกำหนดไปนานและทำการตรวจปัสสาวะแล้วไม่พบการตั้งครรภ์ สามารถทานฮอร์โมนโปรเจสโตเจนเพื่อให้รอบเดือนมาได้ตามปกติ |
Dmt*****t |
12 พฤศจิกายน 2561 01:32:04 #3
เพิ่มเติมค่ะคุณหมอ ตอนนี้มีอาการปวดๆตึงๆที่แคมและบริเวณปากช่องคลอดค่ะ ปวดเหมือนตอนที่ประจำเดือนมา แต่ตอนนี้ยังไม่มาเลยค่ะ ผิดปกติมั้ยคะ
|
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์(สูติ-นรีแพทย์) |
13 พฤศจิกายน 2561 05:28:29 #4 อาการปวดตึงบริเวณช่องคลอดนั้นอาจจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายช่วงนี้ ซึ่งจะทำให้มีหลอดเลือดที่มาเลี้ยงบริเวณอวัยวะเพศ มีการขยายตัวมาก เลยทำให้เกิดอาการปวดตึงบริเวณปากช่องคลอด ซึ่งไม่ได้มีอันตรายแต่อย่างใด ตอนนี้ควรสังเกตอาการไปก่อน ถ้าอาการไม่มากอาจจะเป็นช่วงที่ใกล้รอบเดือนมาก็ได้ แต่ถ้าอาการมากคุณสามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการร่วมด้วย จากที่คุณบอกมานั้นจึงไม่น่าจะมีความผิดปกติหรือมีอันตรายแต่อย่างใดค่ะ |
Dmt*****t |
13 พฤศจิกายน 2561 15:36:00 #5 ไปตรวจเลือดมาแล้วค่ะ ผลคือ beta-hcg <1.20 แปลว่าไม่ตั้งครรภ์แน่นอนแล้วใช่มั้ยคะ แต่ตอนนี้อาการปวดตรงบริเวณอวัยวะเพศ ปวดมากเลยค่ะแทบจะนั่งไม่ได้ ทำอย่างไรดีคะ หรือตอนนี้ทำได้แค่รอให้ประจำเดือนมาอย่างเดียว |
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์(สูติ-นรีแพทย์) |
14 พฤศจิกายน 2561 06:03:10 #6 คำถามไม่ชัดเจนนะคะ ไม่ทราบว่าผลการตรวจตั้งครรภ์หรือไม่ แต่เชื่อถือได้ตามนั้นถ้าได้ทำการตรวจเลือดเพื่อดูระดับฮอร์โมน free beta hCG หลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปแล้วประมณ 2 สัปดาห์ ผลการตรวจจะเชื่อถือได้แน่นอนค่ะ ส่วนอาการปวดอวัยวะเพศนั้นควรทานยาเพื่อบรรเทาอาการปวด อาจจะเป็นยาคลายกล้ามเนื้อเพื่อลดอาการอักเสบได้ค่ะ |
Dmt*****t