กระดานสุขภาพ
มีความผิดปกติบริเวณอวัยวะเพศ | |
---|---|
1 ตุลาคม 2561 16:24:50 #1 ขออนุญาตสอบถามคุณหมอค่ะ มีอาการปัสสาวะแสบมากค่ะ และเป็นเหมือนมีแผลบริเวณอวัยวะเพศ ก่อนหน้านั่นประมาน 2 อาทิตย์ มีประจำเดือน และวันสุดท้ายของประจำเดือนรอบนี้ใส่ผ้าอนามัยทั้งวันเลยค่ะเนื้องจากใกล้หายแล้วประจำเดือนมาไม่มากไม่ได้เปลี่ยนผ้าอนามัยระหว่างวัน ทำให้รู้สึกเริ่มคันบริเวณอวัยวะเพศตั้งแต่วันนั้น จากนั้นมามีลักษณะบวมคัน ประมาน 4-5 วัน ยังไม่มีอาการปัสสาวะแสบขัด หลังจากหายบวมเริ่มมีตกขาวผิดปกติเป็นก้อนๆสีเหลืองอ่อนๆและคัน เริ่มมีปัสสาวะแสบขัด จากนั้นเริ่มสังเกตเห็นเหมือนมีแผลคล้ายๆร้อนใน ไม่เป็นตุ่มหรือหนอง เวลาปัสสาวะรู้สึกแสบมาก ไม่มีไข้ ไม่มีเลือดปนเวลาปัสสาวะ อยากทราบว่าน่าจะเกิดจากอะไรค่ะ (ไปหาหมอ ได้ตรวจปัสาสาวะ คุณหมอบอกไม่มีติดเชื้ออะไร แต่ตอนนี้ทานยาฆ่าเชื้ออยู่ค่ะ ) รบกวนคุณหมอด้วยนะคะ ตอนนี้เป็นกังวลมากเลยค่ะ |
|
อายุ: 22 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 55 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.48 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
Haamor Admin(Admin) |
1 ตุลาคม 2561 18:33:11 #2 เรียนคุณ ก่อนอื่น ทางเว็บฯขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่ไว้ใจเว็บ haamor.com -เพื่อให้แพทย์ผู้ตอบคำถาม สามารถให้คำแนะนำในเบื้องต้นที่เหมาะสมกับคุณได้ ขอความกรุณาคุณช่วย "ถ่ายรูปเฉพาะตำแหน่งอาการ/รอยโรค/ผื่น ของคุณ แล้วส่งมาด้วยกับคำถาม -รูปที่ส่งมา ต้องไม่สามารถระบุตัวคุณได้(เป็นจรรยาบรรณ์แพทย์) คือ ขอคุณช่วยปกปิดใบหน้า แต่ถ้ารอยโรคอยู่บนใบหน้า ให้ปกปิดตาทั้ง๒ ข้าง ถ้า รอยโรคที่ตา ให้ปกปิดตาข้างที่ปกติ (คือถ่ายรูปเฉพาะตาข้างที่มีอาการ) พญ. พวงทอง ไกรพิบูลย์ วิธีการอัพโหลดรูปขึ้นเว็บเราสามารถทำได้ดังนี้ค่ะ 1.นำรูปของคุณไปฝากไว้ที่เว็บฝากรูป เช่น http://upic.me, www.googledrive.com, www.picz.in.th (หรือเว็บฝากรูปอื่นๆ) 2.เอาลิ้งก์หรือ URL ที่ได้มาแปะในกระทู้ (กรณีที่คุณไม่สะดวกจะเปิดเผยรูป) หรือ จะใช้ปุ่ม Insert/Edit Image (ที่เป็นรูปต้นไม้ด้านล่าง) แล้วเอาลิ้งก์หรือ URL แปะเข้าไปในช่อง Image URL ก็ได้คะ หากคุณทำตามวิธีที่ 1 และ 2 แล้วยังไม่สามารถลงได้ สามารถส่งรูปของคุณมาได้ที่ info@haamor.com ค่ะ โดยส่งลิงค์กระทู้ หรือชื่อกระทู้มาด้วยนะคะ ปล. ทางเรามีเพจ Facebook นะคะ หากท่านในมีปัญหา ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการติดต่อนะค่ะ |
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล(สูติ-นรีแพทย์) |
3 พฤศจิกายน 2561 17:23:37 #3 หมออาจตอบได้คร่าวๆจากการคาดเดานะครับ ซึ่งหากไม่เคยมีประวัติการมีเพศสัมพันธ์มาก่อนเลย หรือ ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้เลยครับ ซึ่งส่วนใหญ่การอักเสบบริเวณนี้ มักเกิดจากการอักเสบของต่อมขนหรือต่อมไขมันครับ อาจคล้ายกับหัวสิว อาจหากเองได้ถ้าไม่มีการติดเชื้อซ้ำไปครับ และก็ควรดูแลรักษาความสะอาดตามปกติครับ ไม่ให้อับชื้น เป็นต้นครับ ดังนั้น หมอแนะนำให้สังเกตุอาการไปก่อนได้ครับ หากอาการไม่ดีขึ้น มีอาการผิดปกติมากขึ้น ก็ควรมาพบแพทย์นะครับ เพราะ โรคในลักษณะนี้จำเป็นต้องใช้การตรวจรอยโรคครับ ส่วนเรื่องปัสสาวะนั้น อาจเป็นผลจากการอักเสบของช่องคลอดนะครับ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วสาเหตุอาการบวมแดง คัน อักเสบบริเวณอวัยวะเพศนั้น มีสาเหตุหลักๆ 2 ประการ ครับ อย่างแรก คือมีการติดเชื้อในช่องคลอดก่อนแล้วทำให้อวัยวะเพศภายนอกมีอาการอักเสบไปด้วย เช่น เชื้อราครับ ซึ่งจะมีตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น อาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ งดเพศสัมพันธ์ก่อนนะครับ หลังเข้าห้องน้ำหรืออาบน้ำก็ควรเช็ดด้วยผ้าสะดาดให้แห้ง ใช้ชุดชั้นในที่บางไม่อับชื้นง่าย อาจพิจารณาเปลี่ยนชุดชั้นในใหม่เลยครับ ประการที่สอง คือ มีการแพ้สัมผัสจากสารเคมีต่างๆภายนอกครับ เช่น ผงซักฝอก ครีม สเปรย์ หรือ ชุดชั้นในต่างๆครับ ซึ่งอาการจะไม่มีตกขาว แต่จะมีเพียงอวัยวะเพศภายนอกบวมแดง คันเป็นหลักครับ การรักษาหลักคือใช้ยาทาในกลุ่มสเตียรอยด์ครับ อย่างไรก็ตาม หมอแนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์ก่อนนะครับ เนื่องจากจำเป็นต้องวินิจฉัยให้ได้ก่อน การใช้ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ไปทาเชื้อรานั้น อาจทำให้อาการแย่ลงไปอีกนะครับ ส่วนเรื่องปัสสาวะนั้น อาจจำเป็นต้องตรวจติดตามอีกครั้งนะครับ |
Anonymous