กระดานสุขภาพ

ยาลดน้ำหนักมีผลกับประจำเดือนไหม
Anonymous

4 สิงหาคม 2561 17:23:54 #1

คือว่าหนูพึ่งเมนส์หายไปวันที่19มิถุนายนแล้วมีอะไรกับแฟนวันที่21มิถุนายนแล้วไม่ได้ป้องกัน แล้ววันที่22หนูก็ไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมากิน พอวันที่28มิถุนายนเมนส์หนูก็มา (เท่ากับว่าเดือนมิถุนายนเมนส์มา2ครั้ง) แต่มาแค่2วันแล้วก็หายอยากทราบว่าจะท้องมั้ยคะ คือตอนนี้เมนส์ไม่มาปกติเป็นคนที่เมนส์มาไม่ปกติอยู่แล้วด้วย แล้วบวกกับที่กินยาลดน้ำหนักไปด้วยมีส่วนมั้ยคะ กินบ้างไม่กินบ้างกินแต่ละครั้งจำนวนยาก็ไม่เท่ากันด้วยตอนกินก็ไม่รู้สึกอะไรแต่พอเลิกกินแล้วมีอาการใจสั่นนิดๆหวิวๆ แล้วก็มีอาการแสบท้องข้างซ้ายด้วยค่ะ เมนส์ไม่มาเพราะยาลดความอ้วนหรือป่าวคะหรือท้องหรือเพราะว่าเครียดแล้วตอนนี้น้ำหนักหนูก็ขึ้นมา5โลกว่าๆด้วยคะรบกวนคุณหมอตอบหน่อยนะคะ
อายุ: 17 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 55 กก. ส่วนสูง: 166ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.96 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

5 สิงหาคม 2561 04:48:14 #2

ในกรณีที่คุณมีเพศสัมพันธ์ไปเมื่อวันที่ 21 มิถุนายนและไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์จากนั้นคุณได้ซื้อยาคุมฉุกเฉินมากินในวันรุ่งขึ้น ยาคุมฉุกเฉินจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ ถ้าได้ทานอย่างถูกวิธีและทานทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ไม่เกิน 24 ชั่วโมง หลังทานยาคุมฉุกเฉินคุณจะมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดได้และรอบเดือนถัดไปจะมีความคลาดเคลื่อนได้ ดังนั้น เลือดที่ออกในวันที่ 28 มิถุนายน น่าจะเป็นผลมาจากการรับประทานยาคุมฉุกเฉินค่ะ เดือนนี้คุณมีน้ำหนักตัวขึ้นถึง 5 กิโลกรัมดังนั้น การที่น้ำหนักตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้นๆจะมีผลในเรื่องของการทำงานของรังไข่ด้วย เพราะจะทำให้ผิวรังไข่มีความหนาตัวมากกว่าปกติ จึงทำให้รอบเดือนไม่มาตามปกติและจะทำให้ไข่ไม่ตกตามปกติ ถ้าผิวรังไข่หนาตัวมากเกินไป ไข่จะตกไม่ได้จะทำให้ไม่มีการสร้างฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนไปเปลี่ยนผนังเยื่อบุโพรงมดลูกให้ลอกตัวออกมาเป็นประจำเดือน ดังนั้น คุณจึงไม่มีประจำเดือนมาได้ส่วนสาเหตุความเครียดก็จะทำให้การทำงานของรังไข่ไม่ปกติได้เช่นกัน เพราะจะส่งผลทำให้รอบเดือนไม่มาได้ ถ้าคุณมั่นใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์ โดยทำการตรวจปัสสาวะทดสอบการตั้งครรภ์เรียบร้อยแล้วก็สามารถรับประทานฮอร์โมนโปรเจสโตเจน เพื่อให้รอบเดือนมาได้รับประทานนานประมาณ 5-7 วัน รอบเดือนก็จะมาได้ค่ะ สามารถปรึกษาเภสัชกรตามร้านขายยาเพื่อหาซื้อฮอร์โมนตัวนี้มารับประทานหรือถ้ากังวลมากก็ไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาหาซื้อฮอร์โมนตัวนี้มาทานได้ แต่ควรทำการตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์ก่อนจะดีที่สุดจะได้มั่นใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์อย่างแน่นอน โดยการตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์นั้นจะมีความแม่นยำถ้าได้ทำการตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปแล้วประมาณ 3 สัปดาห์ ค่ะ

Anonymous

5 สิงหาคม 2561 07:19:30 #3

ค่ะ แล้วช่วงนี้มีอาการปวดท้องและถ่ายเป็นน้ำเกี่ยวข้องกันมั้ยคะ
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

6 สิงหาคม 2561 05:00:02 #4

อาการปวดท้องและถ่ายเป็นน้ำไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของการที่รอบเดือนไม่มาตามปกติค่ะ แต่เป็นความผิดปกติจากระบบทางเดินอาหาร เช่น มีภาวะลำไส้อักเสบ หรือการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารก็ได้ แต่การถ่ายบ่อยนั้นก็อาจจะทำให้มีผลกระทบทางอ้อมต่อเรื่องของการทำงานของรังไข่ ทำให้ไข่ตกไม่ตรงตามปกติซึ่งจะส่งผลกระทบทำให้รอบเดือนไม่มาตามปกติได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม การที่น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้นๆ นั้น ก็เป็นสาเหตุที่สำคัญของการที่ทำให้รอบเดือนมาไม่ตรงตามปกติได้ค่ะ