กระดานสุขภาพ

เป็นติ่งเนื้อบริเวณแคมเล็ก
Natt*****a

27 มิถุนายน 2561 05:55:35 #1

เมื่อต้นเดือน พฤษภาคมคลำพบผิวบริเวณ vigina ขุระขะค่ะ และมีอาการคันมากมีตกขาวสีขาวคล้ายแป้งเปียก ไม่มีกลิ่น หรือสีอื่นค่ะ ไปซื้อยากับเภสัชได้ยาเหน็บมาสอด แล้วอาการดีขึ้นค่ะไม่มีตกขาว แต่ยังมีผิวบริเวณ vigina ที่ขุระขะอยู่ และในช่วง วันที่ 10 มิย เป็นประจำเดือนค่ะ แล้วมีเพศสัมพันธ์กับแฟนวันที่ 12 มิย โดยไม่ได้ใส่ถุงยาง หลังจากนั้น ช่วง 23 มิ.ย.สังเกตุเห็นมีติ่งเนื้อขึ้บริเวณแคมเล็กทั้งสองข้างแล้วมีเหมือนตุ่มๆขึ้นเล็กๆทั่วบริเวณแคมเล็ก ไปหาหมอที่รพ บอกว่าเนื้อเยื่อเจริญผิดปกติ ไม่ได้เป็นหูดหงอนไก่ แต่ยังกังวลอยู่ค่ะว่าเป็นอะไร กลัวเป็นมะเร็งหรือติดเชื้ออะไรหรือป่าว
อายุ: 22 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 54 กก. ส่วนสูง: 162ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.58 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Natt*****a

27 มิถุนายน 2561 10:53:42 #2

รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

28 มิถุนายน 2561 06:44:09 #3

อาการคันที่พบและมีตกขาวผิดปกติ น่าจะเกิดจากการติดเชื้อราค่ะ ซึ่งมีสาเหตุมาจากความอับชื้นทำให้เชื้อราเพิ่มปริมาณมากขึ้นจนทำให้เกิดอาการผิดปกติดังกล่าว การรักษานั้นสามารถสอดยาทางช่องคลอดและใช้ยาทาภายนอกกลุ่มโคลไทมาโซลได้ ในกรณีที่อาการดีขึ้นแล้วจะต้องป้องกันการกลับเป็นซ้ำใหม่ของโรคโดยพยายามหลีกเลี่ยงความอับชื้นใช้ผ้าอนามัยแผ่นบางและเปลี่ยนทิ้งให้บ่อยทุก 2-3 ชั่วโมง ส่วนติ่งเนื้อที่พบนั้นไม่ได้เกิดจากความผิดปกติแต่อย่างใด เป็นติ่งเนื้อปกติที่ทางการแพทย์เรียกว่า vestibular papillomatosis จะเป็นติ่งเนื้อเป็นตุ่มน้ำเล็กๆใสๆอยู่กันเป็นกลุ่ม พบได้มากในสตรีวัยเจริญพันธุ์ และอาจจะแห้งไปได้ในช่วงที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน ไม่มีอันตราย ไม่มีความจำเป็นต้องรักษาแต่อย่างใด ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของมะเร็ง แต่ถ้ามีเพศสัมพันธ์แล้วก็ควรไปรับการตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปีจะดีที่สุดค่ะ

Natt*****a

28 มิถุนายน 2561 11:29:34 #4

ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ ตอนนี้หนูหายกังวลแล้วค่ะ ตอนแรกหนูเครียดมากเลยค่ะ กลัวตัวเองจะเป็นโรคร้าย ขอบคุณคุณหมอมากนะค่ะ
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

2 กรกฎาคม 2561 10:11:24 #5

ในเรื่องของอาการตกขาวที่มากขึ้นนั้น ปกติแล้ว ในช่วงหลังกลางรอบเดือนจนถึงก่อนจะมีประจำเดือนรอบถัดไป หรือหลัง มีเพศสัมพันธ์อาจมีสารคัดหลั่งที่มากขึ้นได้นะครับ หากไม่มีอาการผิดปกติใด เช่น ตกขาวสีเขียวหรือเหลือง กลิ่นเหม็น หรือปวดท้องน้อย ก็ไม่ต้องกังวลครับ สามารถสังเกตอาการไปได้ก่อนครับ ส่วนหากตกขาวนั้น หากตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ งดเพศสัมพันธ์ก่อนนะครับ หลังเข้าห้องน้ำหรืออาบน้ำก็ควรเช็ดด้วยผ้าสะดาดให้แห้ง ใช้ชุดชั้นในที่บางไม่อับชื้นง่าย อาจพิจารณาเปลี่ยนชุดชั้นในใหม่เลยครับ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ แต่หากเป็นเพียงมูกเล็กน้อย ไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆ ก็อาจเป็นเพียงสารคัดหลังที่มีมากขึ้นหลังมีเพศสัมพันธ์นะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ

ส่วนเรื่องติ่งเนื้อนั้น หมออาจตอบได้ยากนะครับ เพราะอาจจำเป็นต้องเห็นรอยโรคครับ แต่ถ้าหากมีแพทย์ได้เห็นรอยโรคแล้ว แจ้งว่าไม่มีอะไรก็ถือว่าสบายใจขึ้นครับ แต่หากอาการยังคงอยู่ หรือ มีอาการมากขึ้น อาจไปพบแพทย์อีกครั้งเพื่อตรวจประเมินซ้ำครับ