ถ้าได้ทานยาคุมฉุกเฉินอย่างถูกวิธียาจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้โดยสารทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ไม่เกิน 1 ถึง 24 ชั่วโมง ทานครั้งละ 1 เม็ดห่างกัน 12 ชั่วโมงยาจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างแน่นอนค่ะไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินบ่อยครั้งเกินไปหรือเกิน 1 ถึง 2 ครั้งต่อเดือนเพราะอาจจะเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้โดยเฉพาะการที่ผิดปกติหรือการตั้งครรภ์นอกมดลูกค่ะ ถ้าคุณทานยาคุมอย่างถูกวิธีก็ไม่ต้องกลัวเรื่องการตั้งครรภ์หลังทานยาอาจจะทำให้มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดและรอบเดือนถัดไปมีความคลาดเคลื่อนได้ค่ะ

ยาคุมฉุกเฉินจะประกอบไปด้วยฮอร์โมนโปรเจสโตรเจนในขนาดสูง ซึ่งจะออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้โดยทำให้ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกมีความไม่เหมาะสมในการฝังตัวของตัวอ่อน ทำให้มูกที่บริเวณปากมดลูกมีความเหนียวข้นจนตัวอสุจิไม่สามารถผ่านได้ และอาจจะไปกดการทำงานของรังไข่ทำให้ไข่ไม่ตก และทำให้ท่อนำไข่มีการเคลื่อนไหวตัวที่ช้าลง การทานยาคุมฉุกเฉินนั้นเดิมแนะนำให้ใช้ในสตรีที่ได้ มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ปกติ หรือไม่ได้วางแผนในเรื่องของการคุมกำเนิดไว้ก่อน โดยเฉพาะในกลุ่มสตรีที่มีคดีความทางแพทย์ เช่น ถูกข่มขืนมาเป็นต้น ดังนั้น จะแนะนำให้ทานยาคุมฉุกเฉินไว้ก่อนโดยจะออกฤทธิ์ได้ดี ถ้าได้ทานหลังจากมีเพศสัมพันธ์ไม่เกิน 1 ชั่วโมง หรืออย่างช้าสุดไม่เกิน 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยสนับสนุนว่าทานช้าสุดได้ไม่ควรเกิน 72 ชั่วโมง ซึ่งยาคุมก็ยังสามารถออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดี เดิมจะทานครั้งละ 1 เม็ดห่างกัน 12 ชั่วโมง เพื่อให้ยาคุมค่อยๆ ออกฤทธิ์อยู่ในกระแสเลือดและช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ ในปัจจุบันมีงานวิจัยเสริมว่าให้ทานครั้งเดียว 2 เม็ด ในขนาดโดสสูงทีเดียว เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ไปเลย ข้อจำกัดของการทานยาคุมฉุกเฉินนั้น จะต้องไม่ใช้ยาบ่อยครั้งเกินไป บางรายทานยาบ่อยครั้งมากเดือนนึงทานประมาณ 5-6 ครั้ง ซึ่งโดยหลักการนั้นถ้ามีเพศสัมพันธ์บ่อยควรไปทานยาคุมกำเนิดชนิดแผง 21 หรือ 28 เม็ด ในการป้องกันการตั้งครรภ์จะดีที่สุด เพราะการทานยาคุมฉุกเฉินบ่อยครั้งเกินไปจะทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ลดน้อยลง และยังทำให้เกิดความเสี่ยงในเรื่องของการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติหรือการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้ ดังนั้น ส่วนใหญ่จึงแนะนำให้ทานยาคุมฉุกเฉินไม่เกิน 1 ถึง 2 ครั้ง ต่อเดือน ถ้าเกินจากนี้แล้วก็อาจจะไม่ช่วยในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ และซ้ำร้ายอาจจะทำให้เสี่ยงในเรื่องของการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติสูงขึ้นด้วย หวังว่าหมอคงตอบคำถามของคุณค่ะ