ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส hpv ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกไม่ใช่วัคซีนที่ป้องกันมะเร็งปากมดลูก ดังนั้น หลังฉีดแล้วคุณยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้เช่นกัน เพราะวัคซีนที่ป้องกันการติดเชื้อ hpv ดังกล่าว จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส hpv ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกได้ร้อยละ 70 แต่ในคนที่มีเพศสัมพันธ์แล้วอาจจะมีเชื้อ hpv บางสายพันธุ์อยู่ในตัว ดังนั้น ประสิทธิภาพในการป้องกันก็อาจลดลงน้อยกว่า 70% อีก 30 เปอร์เซ็นต์ของมะเร็งปากมดลูกนั้นยังเกิดจากเชื้อไวรัส hpv ชนิดอื่นๆ ที่วัคซีนไม่สามารถป้องกันได้ดังนั้น หลังฉีดวัคซีนตัวนี้แล้วก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องไปรับการตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปี ไม่ใช่ว่าจะไม่เป็นมะเร็งปากมดลูกหรือไม่มีความเสี่ยง การสวมถุงยางอนามัยนั้นเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันการรับเชื้อ hpv จากคู่นอนมาให้เราและยังป้องกันการติดเชื้อที่ติดต่อจากเพศสัมพันธ์ชนิดอื่นๆด้วย ดังนั้น ควรสวมใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ถ้าคุณมีความประสงค์จะฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส hpv สามารถไปรับการฉีดได้ ปัจจุบันมี 2 ชนิด คือชนิดที่ป้องกันเรื่องของการติดเชื้อไวรัส hpv ที่เป็นสาเหตุของหูดและชนิดที่ไม่ได้ป้องกันหูด ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยของวัคซีนนั้น คุณควรปรึกษาแพทย์โดยตรงที่ไปรับการฉีด แพทย์จะให้คำแนะนำคุณได้อย่างถูกต้องต่อไป แต่ประเด็นหลักก็คือหลังฉีดยาจะต้องไปรับการตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปีค่ะ