สตรีที่ไม่มีรอบเดือนมาตามปกติหรือนานๆมาทีนั้น ส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาเรื่องกลุ่มอาการของถุงน้ำที่รังไข่หรือพีซีโอเอส (Poly cysticovarian Syndrome) ภาวะนี้รังไข่จะมีความผิดปกติคือไม่สามารถมีการตกไข่ได้ตามปกติในทุกรอบเดือน เนื่องจากผิวรังไข่มีความหนาตัวมาก ไข่จึงไม่สามารถตกได้ทำให้รังไข่มีฟองไข่สะสมอยู่จำนวนมากภายใน ลักษณะรังไข่จะมีลักษณะเหมือนพวงองุ่นเพราะมีฟองไข่เล็กๆสะสมอยู่จำนวนมากทั้งสองข้าง ภาวะนี้มักจะสัมพันธ์กับเรื่องของ ฮอร์โมนแอนโดรเจนหรือฮอร์โมนเพศชายที่สูง สภาพร่างกายสตรีที่มีภาวะนี้จึงมีลักษณะของฮอร์โมนเพศชายสูง คือมีสิวมาก หน้ามัน ขนดก มีหนวดเครา ขนหน้าแข้งมาก และอาจจะสัมพันธ์กับภาวะมีบุตรยากได้ในอนาคตคือเมื่อหลังแต่งงานแล้วอาจจะมีบุตรได้ยาก และมักจะสัมพันธ์กับสตรีที่มีน้ำหนักตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาสั้นๆ หรือมีภาวะอ้วน ในกรณีที่ไม่มีประจำเดือนมาเป็นเวลานาน ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกจะมีความหนาตัวมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อน้าถึงจุดหนึ่งก็จะทำให้มีความเสี่ยงในเรื่องของการเกิดเซลล์ผิดปกติที่บริเวณผนังเยื่อบุโพรงมดลูก หรืออาจจะมีความเสี่ยงในเรื่องของมะเร็งผนังเยื่อบุโพรงมดลูกได้ ดังนั้น การรักษาที่ถูกวิธีจะต้องรับประทานฮอร์โมนเพื่อให้รอบเดือนมาตามปกติ ถ้ารอบเดือนขาดหายไปนานเกิน 3 เดือน ควรทำการรักษา การรักษานั้นทานยาคุมยาสมินมานาน 6 เดือนก็ได้ ซึ่งการทานยาคุมเป็นเวลานานไม่มีอันตรายแต่อย่างใด แต่ไม่มีความจำเป็นต้องทานไปตลอดอาจจะลองทาน 3 ถึง 6 เดือน จากนั้นลองหยุดยาดูประมาณ 3 เดือน ถ้ารอบเดือนยังไม่มา ก็สามารถกลับไปทานยาคุมยาสมินใหม่ได้ หรือถ้าไม่ต้องการทานยาเป็นระยะเวลายาวนานในแต่ละเดือน เพราะต้องทานถึง 21 วัน ก็อาจจะเปลี่ยนวิธีการรักษาเป็นการทานฮอร์โมนโปรเจสโตเจน ซึ่งจะทานนานประมาณ 7-10 วันในแต่ละรอบเดือนได้ ถ้าไม่แน่ใจก็ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำในการทานฮอร์โมน และการตรวจอัลตราซาวด์เพื่อประเมินรังไข่และมดลูกก็มีความสำคัญ จำเป็นต้องทำในทุกปี เพื่อประเมินว่ารังไข่ของเรายังอยู่ในสภาพที่ปกติ ไม่มีความเสี่ยงในเรื่องของการเกิดก้อนผิดปกติที่รังไข่ด้วยค่ะ ภาวะนี้อาจจะสัมพันธ์กับเรื่องของภาวะมีบุตรยากในอนาคตได้ ดังนั้น ถ้าแต่งงานแล้วมีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอนาน 6 เดือน แล้วไม่มีบุตร ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาภาวะดังกล่าวต่อไปค่ะ
________________________________________