กระดานสุขภาพ
ตกขาวสีเหลือง | |
---|---|
2 พฤษภาคม 2561 11:48:55 #1 ตกขาวมีสีเหลือง แต่กลิ่นปกติไม่คาว เป็นมาประมาณ 2-3 วันแล้วค่ะ แล้วเดือนนี้ประจำเดือนก็ไม่มาด้วย เลยมาประมาณ 1 อาทิตย์ได้แล้ว ก่อนหน้านี้อาทิตย์กว่าไปหาหมอมาเพราะคันช่องคลอดคาดว่าเป็นเชื้อรา แล้วก็ได้ยาเหน็บมาค่ะ พอเหน็บหมดก็หายเปนปกติดี ผ่านมาสามสี่วันรู้สึกคันนิดๆเลยไปซื้อยาทาคาเนสเท็นมาทาค่ะ ตกขาวที่เริ่มเป็นสีเหลืองก็ช่วงๆนี้เลย ตอนแรกคิดว่าเป็นเพราะประจำเดือนจะมาแต่ก็ยังๆม่มา ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเครียดรึเปล่า เพราะช่วงนี้มีเรื่องสอบแล้วตอนเป็นเชื้อนาก็กังวล เลยถามคุณหมอว่าอาการแบบนี้น่าจะเป็นเพราะอะไร ขอบคุณล่วงหน้านะคะ เพิ่มเติม. มีเพศสัมพันธุ์กับแฟนไปเมื่อ 11-12 เมษาค่ะ แต่ใส่ถุงยางป้องกันเรียบร้อยนะคะ |
|
อายุ: 19 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 50 กก. ส่วนสูง: 161ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.29 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
Anonymous |
2 พฤษภาคม 2561 18:05:51 #2
https://www.picz.in.th/image/Yp7Yeq
เพิ่มเติมรูปภาพค่ะ วันนี้ส่องกระจกดูเหนข้างในช่องคลอดมัรเป็นคราบๆเลยลองเอานิ้วสอดมาดู ลักษณะแบบนี้เป็นเชื้อรารึเปล่าคะ? มันคล้ายๆกับตอนที่เป็นก่อนหน้านี้เลยค่ะแต่สีมันเหลืองกว่า แล้วก็เปนเหลวๆออกมาเลอะกางเกงในเป็นคราบสีเหลืองเลยค่ะ (ที่เคยเป็นจะสีขาวอ่ะค่ะ) แล้วมันมีส่วนกับที่ประจำเดือนไม่มาไหมคะ
|
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์(สูติ-นรีแพทย์) |
3 พฤษภาคม 2561 08:31:46 #3 จากอาการที่คุณมีอยู่และลักษณะตกขาวที่พบนั้น น่าจะเข้าได้กับการติดเชื้อราในช่องคลอดค่ะ เพราะตกขาวมีลักษณะเหมือนก้อนนมบูด และติดเป็นคราบอยู่ภายในช่องคลอด ร่วมกับคุณมีอาการคันร่วมด้วย ซึ่งการติดเชื้อรายนี้ น่าจะมีสาเหตุมาจากความอับชื้นหรือการดูแลอนามัยทางช่องคลอดที่ไม่ถูกวิธี ไม่เกี่ยวกับความเครียด การรักษานั้นจะต้องใช้ยาโคลไทยมาร์โซลขนาด 100 mg สอดทางช่องคลอดก่อนนอนคืนละ 1 เม็ด ต่อเนื่องกัน 6 คืน และถ้ามีอาการคันภายนอกร่วมด้วย ควรใช้ยาทาเฉพาะที่ภายนอกเพื่อบรรเทาอาการคัน ในช่วงที่มีสิ่งคัดหลั่งออกทางช่องคลอดมากกว่าปกติ ควรจะต้องใช้ผ้าอนามัยแผ่นบางและเปลี่ยนทิ้งให้บ่อยทุก 2-3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำเติม นอกจากนี้ ควรจะต้องป้องกันการกลับเป็นซ้ำโดยพยายามหลีกเลี่ยงความอับชื้นให้ดี และอาจจะต้องรักษาคู่นอนร่วมด้วย โดยให้คู่นอนรับประทานยาฆ่าเชื้อรานานประมาณ 3 ถึง 5 วัน ตอนนี้ไม่ทราบว่าแฟนคุณมีอาการร่วมด้วยหรือไม่ ซึ่งสามารถ รักษาไปพร้อมกันได้เลย ในกรณีที่มีคุณมีการป้องกันการตั้งครรภ์โดยการสวมใส่ถุงยางอนามัยเป็นอย่างดี ก็ไม่ควรมีการตั้งครรภ์ค่ะ ในกรณีที่ไม่แน่ใจว่าเป็นเชื้อใดกันแน่หมอแนะนำว่าคุณควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมโดยแพทย์จะนำสิ่งคัดหลั่งในช่องคลอดไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ จะได้ให้การวินิจฉัยและการรักษาอย่างถูกต้องต่อไปค่ะ |
Anonymous