เราเก่งที่ปกติจะมาได้ทุก 21 ถึง 35 วันต่อครั้ง มาครั้งละไม่เกิน 7 วัน และมีปริมาณที่ไม่มากเกินไป ถ้าผิดปกติไปจากนี้ถือว่าคุณมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด น่าจะเกิดจากการทำงานของรังไข่ที่ไม่ปกติ เช่น ภาวะไข่ไม่ตก หรือเป็นกลุ่มอาการของถุงน้ำที่รังไข่ ที่เรียกว่าพีซีโอเอส Poly cystic ovarian Syndrome ภาวะนี้ผิวรังไข่จะมีความหนาตัวมาก จนไข่ไม่สามารถตกได้ตามปกติ เมื่อไข่ไม่ตกจะทำให้ไม่มีการสร้างฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน มาทำให้ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกสุก และลอกออกมาเป็นประจำเดือน ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกจะมีความหนาตัวมาก ก็จะทำให้เกิดอาการเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดได้ การรักษาสามารถใช้ฮอร์โมนโปรเจสโตรเจน ทานนานประมาณ 7-10 วัน รอบเดือนก็จะเป็นปกติได้ หรือ ถ้าไม่แน่ใจก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจภายในและตรวจอัลตราซาวด์เพื่อประเมิน มดลูกและรังไข่ ว่ามีติ่งเนื้อผิดปกติที่บริเวณปากมดลูก ที่เราเรียกว่า Polyp ด้วยหรือไม่ถ้าตรวจพบแพทย์จะได้ทำการเด็ดติ่งเนื้อออก อาการเลือดออกผิดปกติก็จะดีขึ้น และหายไปได้ค่ะ ทางที่ดีควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจด้วยก็จะดีที่สุดค่ะ
________________________________________

คุณสามารถเลือกทานยาคุมกำเนิดชนิดใดก็ได้ ปัจจุบันยาคุมกำเนิดมีทั้งชนิด 21 เม็ดและ 28 เม็ด ถ้าเป็นชนิด 28 เม็ดตัวยา 7 เม็ดหลังจะเป็นตัวยาหลอก แต่ถ้าเป็น 21 เม็ด จะไม่มียาหลอก ในกรณีที่ทานชนิด 28 เม็ดคุณจะต้องทานแผงชนแผงเมื่อหมดแผงหนึ่งก็ต้องรีบทานต่อไปเรื่อยๆ ประจำเดือนจะมาในช่วงที่ทานยา 7 เม็ดหลัง แต่ในกรณีที่ทานชนิด 21 เม็ดคุณจะต้องหยุดยา 7 วัน เพื่อให้มีประจำเดือนมาจากนั้นจึงเริ่มทานยาแผงใหม่ในวันที่ 8 หลังหยุดยา ไม่สนใจว่าประจำเดือนจะมาหรือหมดหรือไม่ให้ทานยาในวันที่ 8 ต่อเนื่องไปได้เรื่อยๆ ส่วนชนิดของยาคุมเอสโตรเจนนั้นจะมีทั้งชนิดฮอร์โมนสูงและฮอร์โมนต่ำ ถ้าเป็นชนิดที่เป็นฮอร์โมนสูงจะมีเอสโตรเจนในขนาด 30 ถึง 35 ไมโครกรัม ซึ่งจะทำให้เกิดอาการข้างเคียงคือคลื่นไส้อาเจียนได้มาก แต่จะไม่มีเลือดออกผิดปกติ ในกรณีที่เป็นเอสโตรเจนต่ำจะมีขนาดเอสโตรเจนเพียง 15 ถึง 20 ไมโครกรัมซึ่งข้อดีคือจะไม่ค่อยคลื่นไส้อาเจียนในขณะทานยาแต่ข้อเสียคือจะทำให้เกิดอาการ เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดได้ ดังนั้นคงจะต้องพิจารณาเองว่าจะทานยาชนิดใดที่จะเหมาะกับคุณหมอไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจนค่ะ เพราะแต่ละคนมีความทนยาไม่เหมือนกัน
________________________________________