กระดานสุขภาพ
เป็นแผลในช่องคลอด | |
---|---|
12 มีนาคม 2561 05:58:33 #1 สวัสดีค่ะคุณหมอ ตอนนี้ดิฉันมีเรื่องจะสอบถามว่า คือดิฉันมีเพศสัมพันกับแฟนแล้วพอหลังมีเพศสัมพันเสร็จมีเลือดติดมาที่ปลายถุงยางแล้วหลังจากนั้นก็เหมือนประจำเดือนมาพอดี แต่ดิฉันสงสัยว่ามันอาจจะไม่ใช่ประจำเดือนแต่เป็นแผลข้างในช่องคลอดหรือไม่ หลังจากนั้น 2วันดิฉันได้สังเกตุอาการข้างต้นคือมีอาการมึนหัวปวดหัว และเพลีย ไม่แน่ใจว่าทีเพลียเกิดจากพึ่งกลับมาจากไปเที่ยวหรือเปล่า และดิฉันลองใช้นิ้วกด ใกล้ ๆ ช่องคลอดดูก็รู้สึกปวด แต่ไม่เจ็บ ตอนปัสวะไม่มีอาการเจ็บแสบเป็นปกติทุกอย่าง อยากสอบถามว่าอาการที่ดิฉันเล่ามาข้างต้น (มึนหัวปวดหัวและเพลีย) มีโอกาสที่จะเป็นแผลในช่องคลอดแล้วเลือดไหลเยอะหรือเป็นประจำเดือนปกติ และถ้าเป็นแผลในช่องคลอดจริง ๆ มีโอกาสติดเชื้อหรือมีมีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้างคะ ปล.มีเพศสัมพันกับแฟนแค่เดือนละครั้ง |
|
อายุ: 19 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 45 กก. ส่วนสูง: 150ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.00 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล(สูติ-นรีแพทย์) |
18 มีนาคม 2561 12:36:56 #2 จากอาการที่มีเลือดออกหลังจากเพศสัมพันธ์และออกมาจากช่องคลอดนั้น อาจมีสาเหตุหลักๆได้สองประการครับ คือ มีสาเหตุมาจากการมีเพศสัมพันธ์นะครับ คือ มีปัญหาในช่วงการสอดใส่ ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการสอดใส่ที่รุนแรงหรือมีน้ำหล่อลื่นค่อนข้างน้อย หรือ มีช่องคลอดอักเสบอยู่ อาจทำให้เยื่อบุข่องคลอดของผู้หญิงบาดเจ็บและเป็นแผลถลอกได้ เป็นผลให้มีเลือดออกและติดเชื้อตามมาได้ครับ ซึ่งปกติแล้วจะหายไปได้เองครับ เพียงแต่รักษาความสะอาด งดเพศสัมพันธ์ก่อน อาจลองใช้เจลหล่อลื่นที่ใช้ร่วมในช่วงสอดใส่อวัยะเพศ หรือ ใช้ถุงยางอนามัยซึ่งจะมีเจลหล่อลื่นอยู่ระดับหนึ่งครับ อาจช่วยทำให้ช่วงที่สอดใส่ไม่เจ็บได้ครับ หากมีอาการบวม แดง ร้อน หรือไม่ดีขึ้นใน 2 สัปดาห์ ก็ควรมาพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาอย่างถูกต้องครับ ส่วนสาเหตุอื่นๆที่เป็นไปได้ของเลือดออกผิดปกติหลังจากการมีเพศสัมพันธ์นั้นอาจมาจากความผิดปกติบริเวณปากมดลูกหรือช่องทางคลอดครับ อาจเป็นรอยโรคที่บริเวณปากมดลูก เช่น ต่ิงเนื้อ (polyp) ปากมดลูกมีเนื้อเยื่อผิดปกติ เป็นต้นครับ ดังนั้น ควรมาตรวจภายในกับสูตินรีแพทย์นะครับ เพื่อจะได้หาสาเหตุครับ ซึ่งอาการที่กล่าวมานั้นอาจมีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะร่วมได้ด้วยนะครับโดยจะมีอาการปวดท้องน้อย ปัสสาวะบ่อยและแสบขัดร่วมด้วยครับ ซึ่งอาจเกิดได้หากช่วงที่มีเพศสัมพันธ์ที่อาจมีการถูหรือสัมผัสบริเวณท่อทางเดินปัสสาวะ ดังนั้น การล้างมือ และ ทำความสะอาดอวัยวะเพศทั้งผู้ชายและผู้หญิงก่อนและหลังการมีเพศสัมพันธ์จะช่วยลดอาการนี้ได้ สุดท้าย หากอาการนี้ยังมีอยู่หรือเป็นบ่อยๆ อาจทำให้มีการติดเชื้อที่ท่อและกรวยไตได้ครับ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจปัสสาวะและรักษาให้ถูกต้องครับ |
Anonymous