กระดานสุขภาพ
มีติ่งเนื้อคล้ายนิ้วมือประมาณ 1 เซนฯ ยื่นออกจากผนังช่องคลอดติดกับฝีเย็บ มีอาการเจ็บเมื่อสัมผัส | |
---|---|
2 มีนาคม 2561 18:39:00 #1 มีติ่งเนื้อคล้ายนิ้วมือประมาณ 1 เซนฯ ยื่นออกจากผนังช่องคลอดติดกับฝีเย็บ มีอาการเจ็บเมื่อสัมผัส และเป็นจุดที่เวลามีเพศสัมพันแล้วมักจะมีแผลปริเสมอทำให้เจ็บทุกครั้งที่มีเพศสัมพันค่ะ และแม้แต่เวลาตรวจภายในแม้ไม่มีแผลปริก็จะเจ็บ(มาก) แต่หมอที่ตรวจกลับบอกว่าที่เจ็บเป็นเพราะดิฉันเกร็ง ซึ่งดิฉันไม่เห็นด้วยกับหมอเพราะดิฉันไม่ได้เกร็ง จึงต้องกลับมาตรวจเองที่บ้าน ปรากฏว่ามีติ่งเนื้อที่ปากช่องคลอด 1 จุด และเจ็บที่ขอบช่องคลอดด้านในทั้งสองข้าง ใช้นิ้วแตะทุกครั้งก็เจ็บทุกครั้ง ตามลูกศรในภาพประกอบค่ะ ไม่มีอาการคัน หรือตกขาวนะค่ะ เข้าใจว่าคงจะมีติ่งเนื้อมานานแล้วเพราะเจ็บมานานแล้ว แต่ไม่เคยสำรวจช่องคลอดตัวเอง จนกระทั่งล่าสุดมาตรวจดูเมื่อ 3 เดือนที่แล้วค่ะ ประวัติแต่งงานแล้ว แต่ไม่เคยมีลูก ไม่เคยท้อง เคยมีโรคหูดหงอนไก่ แต่ก็รักษากับหมอเมื่อ 20 ปีก่อน คิดน่าจะหายแล้ว (แต่ไม่แน่ใจว่าตัวโรคจะยังคงแฝงอยู่ไหม) แต่ก็ไม่เคยมีติ่งที่คล้ายกับหูดหงอนไก่เกิดขึ้นอีก มีแต่อาการอักเสบ คัน เจ็บ ช่องคลอดตลอดเรื่อยมา (เกิดเป็นผู้หญิงช่างลำบากเหลือเกินค่ะ) ปัจจุบันมีช็อกโกแล็ตซีสต์ที่ปีกมดลูกทั้งสองข้าง และมีเนื้องอกในมดลูก ไม่ได้ผ่าตัดออก เพราะตรวจดูแล้วว่าตัวโรคไม่ได้ลุกลามไปที่อวัยวะอื่น หมอจึงให้แค่ยาฮอร์โมนควบคุมโรคเท่านั้น กินๆหยุดๆตลอด 2 ปีกว่า ที่กินๆหยุดๆเพราะผลข้างเคียงของยาฮอร์โมน แม้โรคจะสงบในระหว่างกินยา แต่ก็มีอาการอย่างอื่นๆตามมาให้รักษากันต่อ ล่าสุดจึงต้องเลิกกินเพราะผลข้างเคียงของยา เลิกมาได้ประมาณ 3 เดือนแล้วค่ะ ก็ต้องกลับมาปวดประจำเดือนทุกเดือนเหมือนเช่นเคย แต่ก็บรรเทาด้วยวิธีธรรมชาติเอา ก็พอทนได้ค่ะ ตั้งแต่เลิกกินยาฮอร์โมน อย่างอื่นๆเกือบดีหมด ไม่มีอาการคัน ไม่ตกขาว ไม่แสบช่องคลอดเหมือนโดนน้ำกรดราดทุกครั้งที่ทำความสะอาดส่วนนั้น ไม่ปัสวะขัด พอเลิกกินยาก็มาดูแลตัวเองด้วยธรรมชาติเอา แต่ติดตรงที่เจ็บช่องคลอดและติ่งเนื้อนี่แหล่ะค่ะ ที่ยังกังวลอยู่ อยากจะถามว่าติ่งเนื้อนี้จะเป็นอันตรายไหมค่ะ แล้วถ้าไปหาหมอ หมอจะตัดให้ได้ไหม ถ้าตัดจะเป็นการผ่าตัดแบบต้องวางยาสลบไหม หรือสามารถผ่าตัดโดยไม่ต้องวางยา หรือสามารถรักษาด้วยยาทาได้ (ติ่งเนื้อมันอยู่ด้านในค่ะ) กรุณาตอบด้วยนะคะ ตั้งใจจะไปหาหมอในเร็วๆนี้ แต่ก็กังวลหลายอย่าง จึงอยากจะถามไว้เป็นแนวทางค่ะ |
|
อายุ: 40 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 51 กก. ส่วนสูง: 159ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.17 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์(สูติ-นรีแพทย์) |
3 มีนาคม 2561 19:15:19 #2 ก่อนอื่นคงต้องทราบก่อนว่าติ่งเนื้อดังกล่าวนั้นคืออะไร ถ้าเป็นมานานเเล้วติ่งเนื้อดังกล่าวไม่น่าจะเกิดจากการติดเชื้อหูด เพราะถ้าเป็นหูดติ่งเนื้อจะต้องมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วยเรื่อยๆ และอยู่กันเป็นกลุ่ม อาจจะเป็นแผลเป็น หรือติ่งเนื้อที่ยื่นออกมาจากปากมดลูกและโผล่ออกมานอกช่องคลอด เมื่อไม่ทราบการวินิจฉัย หมอจึงไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีการวางแนวทางในการรักษาอย่างไร ทางที่ดีควรจะต้องไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด ในกรณีที่ติ่งเนื้อดังกล่าวมีอาการเจ็บ และ ยื่นยาวออกมาทางช่องคลอด อาจจะต้องปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตัดหรือใช้ไฟฟ้าจี้เอาติ่งเนื้อนั้นออก อาการเจ็บน่าจะดีขึ้น ส่วนอาการเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์อาจจะเกิดจากการที่มีสิ่งคัดหลั่งออกมาน้อยทางช่องคลอด หรือช่องคลอดมีความฝืดมีการเกร็งตัว ดังนั้น ควรจะต้อง บอกแฟนให้มีการเล้าโลมก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ อาจจะต้องใช้ ky เจลร่วมด้วยเพื่อที่จะให้ช่องคลอดมีหล่อลื่นที่ดีมากขึ้น ในกรณีที่คุณมีปัญหาเรื่องของช็อกโกแลตซีสที่รังไข่ทั้งสองข้างและมีเนื้องอกที่บริเวณกล้ามเนื้อมดลูกการรักษาด้วยการใช้ฮอร์โมน อาจจะช่วยควบคุมโรคได้ แต่ถ้ามีอาการที่รุนแรง และ มีผลข้างเคียงจากการใช้ฮอร์โมนมาก หมอแนะนำว่าคุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการผ่าตัดเอาถุงน้ำที่รังไข่และตัดมดลูกทิ้งถ้าไม่ต้องการมีบุตรอีกแล้วเนื่องจากคุณอายุมากถึง 40 ปี ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทนทุกข์ทรมานกับภาวะนี้ อย่างไรก็ตามติ่งเนื้อที่พบบริเวณปากช่องคลอดอาจจะสัมพันธ์กับภาวะช็อกโกแลตซีสด้วย ซึ่งถ้าคุณมีช็อกโกแลตซีสอยู่อาจจะมีผนังเยื่อบุโพรงมดลูกกระจายไปตามอวัยวะต่างๆได้ทั้งหมดและทำให้เกิดอาการเจ็บที่บริเวณติ่งเนื้อดังกล่าวได้ ถ้าติ่งเนื้อมีขนาดเล็กมากการรักษาอาจจะเพียงใช้ยาชาฉีดบริเวณที่เป็นและใช้ไฟฟ้าที่ตัดเอาติ่งเนื้อนั้นออกไม่จำเป็นต้องดมยาสลบแต่ถ้าติ่งเนื้ออยู่ลึกมากการทำผ่าตัดจะทำยาก ดังนั้น อาจจะต้องทำการดมยาสลบก่อนที่จะทำการรักษาหมอแนะนำว่าคุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างถูกต้องจะได้รับการรักษาที่ถูกต้องต่อไปค่ะ |
Anonymous |
3 มีนาคม 2561 20:49:30 #3 ขอบคุณ คุณหมอสำหรับคำตอบมากค่ะ ก็แปลกใจเหมือนกันค่ะว่าหมอที่รักษาประจำไม่เคยพูดถึงเรื่องผ่าตัดเลย และก็เลยเข้าทางดิฉันด้วยเพราะดิฉันกลัวการผ่าตัดค่ะ เลยไม่ได้ถามคุณหมอเรื่องผ่าตัด มีแต่บอกว่าจะต้องกินยาฮอร์โมนจนกว่าจะถึงวัยหมดประจำเดือน และห้ามหยุดเด็ดขาด แรกๆเขาให้ขนาด 5 mg พอยาไม่สามารถหยุดประจำเดือนได้ เขาก็ให้เพิ่มเป็นขนาด 10 mg แม้ประจำเดือนจะหยุด แต่ก็มีผลเสียอื่นๆตามมาค่ะ ซึ่งตัวนี้กินได้แค่เดือนเดียวเท่านั้นเอง เพราะทนอาการข้างเคียงไม่ไหวค่ะ และตั้งใจว่าจะเปลี่ยนหมอตรวจลองดูค่ะ เผื่อจะมีคำแนะนำหรือการรักษาที่แตกต่างออกไป ขอบคุณ คุณหมออีกครั้งนะคะ |
Anonymous