กระดานสุขภาพ

ตกขาวเมือกขาวสีน้ำตาล
Anonymous

23 มกราคม 2561 17:50:48 #1

คือมีเพศสัมพันธ์กับแฟนเมื่อวันที่ 6-7 ม.ค. แต่ก่อนหน้านั้นวันที่4 5 มีตกขาวเหนียวเป็นสีน้ำตาลออกมา เราก็ไม่ได้คิดอะไร ตอนมีเพศสัมพันธ์ใส่ถุงยางทุกครั้ง เช็คดูทุกครั้งด้วยการเอาน้ำใส่แล้วบีบตรงกระเปราะ ก็ไม่มีน้ำรั่วออกมา แต่ก็มีอาการวิตกกังวลเพราะวันที่12เมนส์ต้องมาแต่เมนส์ไม่มา เพราะเดือนที่แล้วเป็นวันที่12-19 แต่เดือนนี้ยังไม่มาสักที และจนวันนี้ตอนเที่ยงคืนของวันที่24 คือเอานิ้วล้วงเข้าไปในช่องคลอดก็พบตกขาวมีลักษณะเป็นเมือกขาวสีน้ำตาลคล้ายปนเลือดออกมา อยากทราบว่าเป็นเพราะอะไร
อายุ: 18 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 47 กก. ส่วนสูง: 162ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.91 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

1 กุมภาพันธ์ 2561 19:37:45 #2

ในเรื่องของอาการตกขาวที่มากขึ้นนั้น ปกติแล้ว ในช่วงหลังกลางรอบเดือนจนถึงก่อนจะมีประจำเดือนรอบถัดไป หรือหลัง มีเพศสัมพันธ์อาจมีสารคัดหลั่งที่มากขึ้นได้นะครับ หากไม่มีอาการผิดปกติใด เช่น ตกขาวสีเขียวหรือเหลือง กลิ่นเหม็น หรือปวดท้องน้อย ก็ไม่ต้องกังวลครับ สามารถสังเกตอาการไปได้ก่อนครับ ส่วนหากตกขาวนั้น หากตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ งดเพศสัมพันธ์ก่อนนะครับ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ