กระดานสุขภาพ

หยุดกินยาคุมแล้วประจำเดือนมา 2 รอบ
Cath*****x

15 พฤศจิกายน 2560 15:17:55 #1

เรียนคุณหมอค่ะ

สอบถามค่ะ เคยกินยาคุมติดต่อกัน 3 ปี กินแผงสุดท้ายไปเมื่อ 5 กันยายน - 25 กันยายน (21 วัน) ยี่ห้อ Y*M**N

กินยาวันสุดท้ายวันที่ 25 กันยายน จากนั้นไม่ได้กินต่อเนื่องจากไม่ได้มีเพศสัมพันธ์แล้ว มาอยู่ต่างประเทศนานๆ 

กระทู้เก่าที่เคยถามนะคะ

http://haamor.com/webboard/%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%84%E0%B8%9B/38661/

ประจำเดือนมาล่าสุดวันที่ 30 ตุลาคม 

แต่พอมาวันนี้ เพิ่งวันที่ 15 พฤศจิกายน มีเลือดสีแดงจางๆออกมา คล้ายจะเป็นประจำเดือนอีกรอบ

ปกติถ้าไม่กินยาคุม รอบประจำเดือนจะอยู่ที่ 30-35 วันค่ะ

แต่ครั้งนี้มาเร็วมากๆ เหมือนมาซ้ำรอบแรกเลย ยังไม่ถึงเดือนแลย

1. อยากทราบว่าอาการที่เกิดขึ้นปกติไหมคะ เช่น เนื่องจากฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงมากเพราะไม่ได้กินยาคุมแล้ว

2. มีอันตรายอะไรไหมคะ ควรไปหาหมอไหมคะ เพราะอยู่ที่นี่การจะหาหมอยากมาก และแพงมาก กลัวว่าจะกังวลเกินกว่าเหตุไปรึเปล่า

3. แบบนี้ปลายเดือน ประจำเดือนรอบปกติจะมาอีกรอบไหมคะ

4. ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้องกันไหม เวลากดท้องด้านซ้ายแล้วกดไม่ลง เหมือนมันแข็งๆนิดๆ ถ้าเทียบกับด้านขวาคือนิ่มไปเลย เคยไปหาหมอที่นี่มารอบนึง เค้าบอกว่าไม่เจออาหารผิดปกติ อาการนี้มีอันตรายไหมคะ

ขอบคุณมากค่ะ

 

 

อายุ: 26 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 46 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.97 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Cath*****x

15 พฤศจิกายน 2560 21:03:02 #2

อัพเดทอาการเป็นข้อมูลให้คุณหมอค่ะ 

มันเป็นมูกๆคล้ายๆตกขาว แต่มีสีน้ำตาลอ่อนๆปน มีอาการปวดท้องน้อยนิดหน่อยเหมือนตอนมีประจำเดือน

และสิวขึ้นค่ะ (ปกติเป็นคนไม่มีสิวเลย)

ไม่แน่ใจว่าใช่ประจำเดือนรึเปล่านะคะ คือมันน้อยมากๆ สังเกตเห็นเพราะใช้ทิชชู่สีขาวค่ะ สีเลยต่างกันนิดนึง

 

รบกวนคุณหมอวินิจฉัยหน่อยนะคะ 

รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

16 พฤศจิกายน 2560 09:40:42 #3

รอบเดือนครั้งสุดท้ายที่มา คือวันที่ 30 ตุลาคม จากนั้นมาอีก 2 สัปดาห์คุณมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดในวันที่ 15 พฤศจิกายนซึ่งเรื่องที่ออกในครั้งนี้ไม่น่าจะเป็นประจำเดือน แต่อาจจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เนื่องจากการทำงานของรังไข่ที่ไม่ปกติ อาจจะมีผนังเยื่อบุโพรงมดลูกที่หนาตัวมากกว่าปกติจึงมีเลือดออกมาก่อน หรือ อาจจะเกิดจากการมีติ่งเนื้อผิดปกติที่ปากมดลูกที่ทางการแพทย์เรียกว่า polyp ซึ่งการรักษาจะต้องทำการเด็ดเอาติ่งเนื้อออก เลือดที่ออกผิดปกติก็จะดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เราน่าจะคิดเรื่องสาเหตุง่ายๆก่อนคือการทำงานของรังไข่ที่ไม่ปกติ มีการสร้างฮอร์โมนที่ผิดปกติ จึงทำให้ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกมีการหลุดลอกตัวออกมาก่อน ตอนนี้น่าจะสังเกตอาการไปก่อนถ้าเลือดที่ออกสามารถหยุดหายไปได้เองก็ไม่ต้องทำอะไร แต่ในกรณีที่เลือดยังออกผิดปกติกระปริบกระปรอย นานเกิน 7 วันก็ควรพิจารณาในเรื่องของการทานฮอร์โมนโปรเจสโตเจนโดยสามารถรับประทานนานประมาณ 7-10 วัน เลือดที่ออกผิดปกติ ก็จะหยุดได้ ในกรณีที่เลือดยังไม่หยุดแม้ว่าจะทานฮอร์โมนโปรเจสโตเจนแล้วออกกระปิดกระปอยตลอดก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้องจะได้รับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป ในกรณีที่คุณมีอาการท้องแข็งหรือคลำแล้วพบก้อนที่ท้องน้อยด้านซ้าย ควรไปรับการตรวจอัลตราซาวด์เพื่อประเมินอวัยวะในอุ้งเชิงกรานโดยเฉพาะตัวมดลูกและรังไข่ว่ามีเนื้องอกหรือถุงน้ำที่รังไข่หรือไม่จะได้สบายใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติในอุ้งเชิงกรานค่ะ

Cath*****x

16 พฤศจิกายน 2560 10:39:44 #4

เรียนคุณหมอค่ะ

1. ถ้ากรณีที่มีติ่งเนื้อ ถ้าปล่อยทิ้งไว้แล้วกลับไปรักษาที่ไทยอีก 10 เดือนข้างหน้าจะเป็นอันตรายกับร่างกายไหมคะ

2. กรณี มีเนื้องอกหรือถุงน้ำที่รังไข่ ถ้าปล่อยทิ้งไว้แล้วกลับไปรักษาที่ไทยอีก 10 เดือนข้างหน้าจะเป็นอันตรายกับร่างกายไหมคะ มีผลว่าจะลุกลามหนักขึ้นไหมคะ

ตอนนี้มาศึกษาต่อค่ะ กลับไทยแล้วไปอยู่ยาวๆเลยตอนเรียนจบคือ ประมาณเดือนกันยาปีหน้า

ขณะที่อยู่ที่นี่ไม่แน่ใจว่าถ้าเป็นจริงๆแล้วจะสามารถผ่าตัดได้ไหม แต่จะลองไปหาหมอดูค่ะ

 

ขอบคุณค่ะ

รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

17 พฤศจิกายน 2560 15:13:39 #5

ถ้าเป็นติ่งเนื้องอกปกติและไม่ได้ทำให้เกิดอาการข้างเคียงใดๆ เช่นเลือดออกผิดปกติมาก อาจจะดีเลย์การรักษาได้ โดยสามารถตัดเนื้อได้ เมื่อคุณมาถึงเมืองไทย แต่ถ้าเป็นเนื้องอกหรือถุงน้ำที่รังไข่ที่เป็นเนื้อร้ายการปล่อยทิ้งไว้อาจจะทำให้เกิดอาการรุนแรงมากขึ้น ระยะของโรคเปลี่ยนแนวทางในการรักษาก็จะเปลี่ยนไปด้วยมีความจำเป็นต้องรับการผ่าตัดออกโดยด่วน อย่างไรก็ตาม คุณอายุยังน้อยโอกาสเกิดมะเร็งหรือเนื้อร้ายนั้นมีน้อยมาก ในกรณีที่คุณกำลังศึกษาต่อที่ต่างประเทศหมอแนะนำว่าคุณควรไปรับการตรวจโดยแพทย์ที่ประเทศนั้นก่อน เพราะคุณน่าจะมีประกันสุขภาพ ในฐานะนักเรียนที่ไปเรียนต่างประเทศอยู่ ถ้าจะให้การดูแลในเบื้องต้นก่อนถ้าไม่พบความผิดปกติใดคุณจะได้สบายใจและมีสมาธิในการศึกษาเล่าเรียนมากขึ้น แต่ในกรณีที่พบความผิดปกติแพทย์คงแนะนำเรื่องแนวทางการรักษาคุณอาจจะกลับมารักษาที่เมืองไทยได้ค่ะ

Cath*****x

8 ธันวาคม 2560 21:46:44 #6

ตอนกลางเดือนที่แล้วไปตรงจมาแล้วนะคะ หมอทำการตรวจปัจสาวะ เพื่อหาว่าเลือดคือเลือดอะไร เค้าบอกแต่ว่าไม่พบการติดเชื้อใดๆค่ะ กดท้องดู เค้าก็บอกว่าคิดว่าน่าจะปกติ น่าจะเป็นเลือดที่สามารถเกิดขึ้นได้จากฮอร์โมนที่เปลี่ยน เรียนถามคุณหมออีกครั้งค่ะ ทีนี้ตอนนี้(วันที่ 8 ธันวาคม) เท่าที่นับคือห่างรอบเดือนของเดือนที่แล้ว คือ 30 ตุลาคม มา 38 วันแล้ว แต่ประจำเดือนรอบจริงก็ยังไม่มาค่ะ สวสัยว่าเพราะว่า เมื่อกลางเดือน พย. มีเลือดคล้ายประจำเดือนออกมา ประจำเดือนรอบนี้เลยเลื่อนออกไปอีกรึเปล่าคะ หรืออาจจะเกิดจากสาเหตุอื่น ตอนนี้สงสัยว่าประจำเดือนรอบจริงควรจะมาตามปกติ หรือควรจะดีเลย์เพราะมีเลือดกลางเดือนที่แล้วคะ