กระดานสุขภาพ
ช่องคลอดติดเชื้อ | |
---|---|
15 สิงหาคม 2560 10:22:33 #1 อยากสอบถามคะ คือมีอะไรกับแฟนและพบว่ามีตกขาวพร้อมเลือดสีน้ำตาล พอหลังจากนั้นจะรู้สึกหน่วงๆท้องน้อยปัสสาวะแสบขัด ตกขาวมีลักษณะเป็นสีขาว และไม่ได้มีปริมาณมาก ไม่มีอาการคัน ก่อนหน้านี้ประมาณสองถึงสามเดือนเคยเป็นอาการแบบนี้ ไปหาหมอและตรวจภายในหมอบอกติดเชื้อแบคทีเรียที่ช่องคลอด กินยาและก็หาย และเพิ่งกลับมาเป็นซ้ำ ถ้าเกิดจากเพศสัมพันธ์อย่างงี้ต้องรักษาแฟนด้วยไหม เพราะสุดท้ายก็เป็นอีกอยู่ดี ควรดูอาการกี่วันถึงจะไปหาหมอ ขอบคุณคะ |
|
อายุ: 24 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 40 กก. ส่วนสูง: 155ซม. ดัชนีมวลกาย : 16.65 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล(สูติ-นรีแพทย์) |
23 สิงหาคม 2560 17:47:44 #2 ปกติแล้ว ในช่วงหลังกลางรอบเดือนจนถึงก่อนจะมีประจำเดือนรอบถัดไป หรือหลัง มีเพศสัมพันธ์อาจมีสารคัดหลั่งที่มากขึ้นได้นะครับ หากไม่มีอาการผิดปกติใด เช่น ตกขาวสีเขียวหรือเหลือง กลิ่นเหม็น หรือปวดท้องน้อย ก็ไม่ต้องกังวลครับ สังเกตุอาการไปได้ก่อนครับ ส่วนหากตกขาวนั้น หากตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ ส่วนอาการปัสสาวะแสบขัดนั้น อาการก็จะเข้าได้กับการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะครับ ซึ่งอาจเกิดได้หากช่วงที่มีเพศสัมพันธ์ที่อาจมีการถูหรือสัมผัสบริเวณท่อทางเดินปัสสาวะ ดังนั้น การล้างมือ และ ทำความสะอาดอวัยวะเพศทั้งผู้ชายและผู้หญิงก่อนและหลังการมีเพศสัมพันธ์จะช่วยลดอาการนี้ได้ สุดท้าย หากอาการนี้ยังมีอยู่หรือเป็นบ่อยๆ อาจทำให้มีการติดเชื้อที่ท่อและกรวยไตได้ครับ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจปัสสาวะและรักษาให้ถูกต้องครับ |
Anonymous