ถ้ามีรอบเดือนมาแล้วหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ก็ไม่มีการตั้งครรภ์แน่นอน และไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินในช่วงที่มีรอบเดือน ยาคุมฉุกเฉินคือฮอร์โมนโปรเจสโตเจนในขนาดสูง ถ้าคุณมีรอบเดือนมาในช่วงที่ทานยาคุม ยาจะไม่สามารถออกฤทธิ์ที่บริเวณผนังเยื่อบุโพรงมดลูกได้เพราะผนังเยื่อบุโพรงมดลูกมีการลอกหลุดตัวออกมาแล้ว จึงไม่น่าจะทำให้เกิดผลอย่างไรในการป้องกันการตั้งครรภ์และไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อเรื่องของการทำงานของรังไข่ แต่เนื่องจากฮอร์โมนมีปริมาณที่สูงจึงอาจจะส่งผลกระทบต่อเรื่องของการทำงานของรังไข่ได้ รอบเดือนถัดไปอาจจะมีความคลาดเคลื่อน หรือไม่คลาดเคลื่อนก็ได้ ควรสังเกตอาการไปก่อน อสุจิมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 1 วันส่วนไข่จะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 1-2 วันเท่านั้นดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ตัวอสุจิจะมีชีวิตอยู่นานไปจนถึงรอบตกไข่อีก 1 รอบ คุณจึงไม่ควรกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ค่ะ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ายังไม่พร้อมมีบุตรจะต้องคุมกำเนิดให้ดีด้วยค่ะ

ปกติแล้วมีรอบเดือนอยู่ที่ 28 วันไข่จะตกประมาณวันที่ 14 ของรอบเดือน อยากทราบว่าการทานยาคุมฉุกเฉินสามารถทำให้ไข่ตกเร็วขึ้นจากเดิมได้หรือเปล่าคะ หรือตัวยามีหน้าที่ยับยั้งการตกไข่ ทำให้ไข่ตกช้าได้อย่างเดียว

ยาคุมฉุกเฉินก็คือฮอร์โมนโปรเจสโตเจนในขนาดสูงมาก ยาจะออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์โดยทำให้มูกที่ปากมดลูกมีความเหนียวข้นมากขึ้นจนตัวอสุจิไม่สามารถผ่านเข้าไปได้และยังทำให้การเคลื่อนไหวของท่อนำไข่มีการเคลื่อนไหวตัวที่ช้าลง ทำให้ผนังเยื่อบุโพรงมดลูก มีความไม่เหมาะในการฝังตัวของตัวอ่อน และอาจจะกดการทำงานของรังไข่ได้เพียงบางส่วน อย่างไรก็ตาม ก็ไม่แน่เสมอไปเพราะการยับยั้งการตกไข่ไม่ใช่ฤทธิ์ที่เด่นของการคุมกำเนิดวิธีนี้ ดังนั้นคุณอาจจะมีการตกไข่ที่ปกติก็ได้ค่ะ

เป็นไปได้ไหมคะ ที่ยาคุมฉุกเฉินจะทำให้จะทำให้มีการตกไข่เร็วขึ้น แล้วปฏิสนธิกับอสุจิที่ยังมีชีวิตอยู่

เป็นไปไม่ได้นะคะที่อยากคุมฉุกเฉินจะทำให้เกิดการตกไข่เร็วขึ้น เพราะยาคุมฉุกเฉินคือฮอร์โมนโปรเจสโตเจนไม่ใช่ยากระตุ้นการตกไข่ค่ะ