กระดานสุขภาพ

จิตตกมาก
Anonymous

30 กรกฎาคม 2560 16:55:24 #1

คือหนูมีเพศสัมพันธ์กับแฟนแต่ใส่ถุงทุกครั้งแล้วหลั่งนอกแต่หลั่งในถุงนะคะ แต่คือพอแฟนเสร็จแฟนได้เอานิ้วมาแหย่ของเรา แต่เราก็ถามแฟนแล้วว่ามีน้ำติดไหมแฟนก็บอกไม่มีถามกี่ครั้งก็บอกไม่มี แต่คือประจำเดือนยังไม่มาเลยค่ะ เราคิดมากมากค่ะ จิตตกมากค่ะ แบบนี้ท้องไหมคะ
อายุ: 19 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 47 กก. ส่วนสูง: 158ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.83 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

31 กรกฎาคม 2560 09:46:12 #2

หากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีเพียงการถูกันเพียงภายนอกเท่านั้น ในกรณีนี้ถือว่า ไม่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้เลยครับ เช่นเดียวกับอสุจิที่อยู่บริเวณภายนอกช่องคลอด ก็ไม่ทำให้ตั้งครรภ์เช่นเดียวกันครับ สบายใจได้ ส่วนในเรื่องการสอดใส่นิ้วที่อาจมีอสุจิปนไปและใส่เข้าไปในช่องคลอดด้วยนั้น หากหมอตอบตามทฤษฎีแล้ว ในกรณีดังกล่าวก็สามารถทำให้มีการตั้งครรภ์ได้ แต่ในแง่ของหลักฐานทางการแพทย์นั้น ไม่เคยปรากฎมีการตั้งครรภ์จากลักษณะที่กล่าวมานะครับ และไม่จำเป็นต้องทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินครับ

ส่วนในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์แล้วมีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี สวมใส่ถุงยางอนามัยก่อนสอดใส่อวัยวะเพศ ถือว่า เป็นการป้องกันการตั้งครรภ์ที่มีประสิทธิภาพครับ ไม่ทำให้ตั้งครรภ์ครับ สบายใจได้ โดยไม่จำเป็นต้องทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินครับ อย่างไรก็ตามหมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ หากครั้งต่อๆไปมีเพศสัมพันธ์ที่อาจมีการสอดใส่อวัยวะเพศ ซึ่งการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ และ เรื่องถุงยางอนามัยที่มีปัญหานั้น โดยปกติแล้วกระบวนการผลิตถุงยางอนามัยนั้น ค่อนข้างรัดกุมมากนะครับ การที่จะขาด รั่ว หรือ ปริแตกนั้นเกิดได้น้อยมากแต่หากเกิดมักเกิดจากการใช้ที่ผิดวิธีครับ ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ

Anonymous

2 สิงหาคม 2560 05:32:09 #3

หมอค่ะคือหลังจากที่ดิฉันได้ถามไปดิฉันไปซื้อยาสตรีมากิน กินได้วันนี้วีนที่2 มีสีน้ำตาลคล้ำๆล่าสุดเมื่อเช้ามีเลือดติดกกนนิดกน่อยค่ะ ตรวตแล้วขึ้ยขีดเดียวค่ะ แบบนี้คือไรคะ
Anonymous

2 สิงหาคม 2560 05:42:17 #4

แล้วก็มีอาการปวดบริเวณท้องน้อยค่ะ ตรวจขึ่นขีดเดียวนี่คือก่อนกินนะคะ ตรวจ2รอบขีดเดียวทั้ง2รอบค่ะ
Anonymous

2 สิงหาคม 2560 06:13:51 #5

เพิ่มเติมนะคะน้ำหนักลดลงด้วยค่ะ ปวดท้องน้อยพร้อมกับปวดหลังด้วยค่ะ แบบนี้ท้องไหมคะ
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

11 สิงหาคม 2560 19:08:34 #6

ในเรื่องกลุ่มยาที่กล่าวมานั้น หมอขอกล่าวโดยรวมๆนะครับ ในความคิดเห็นของหมอนั้นตัวยาประเภทนี้ เป็นยาที่มีส่วนประกอบของสมุนไพร ซึ่งกลไกการออกฤทธิ์นั้นอาจคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งจะทำหน้าที่กระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูก อาจทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวขึ้นได้ แต่จะไม่มีฮอร์โมนที่ทำให้เยื่อบุหลุดลอกสลายตัวออกมาได้ ดังนั้น การที่จะนำมาเพื่อการรักษาอาการเลือดประจำเดือนผิดปกติ หรือ มาใช้เพื่อควบคุมปรับรอบประจำเดือนนั้น ยังอาจนำมาใช้ค่อนข้างยากลำบากครับ อาจทำให้เลือดประจำเดือนมาผิดปกติได้ อาจมาปริมาณมาก หรือ มีผลต่อการตกไข่ ทำให้ไม่มีการตกไข่ ซึ่งมีผลทำให้ไม่มีประจำเดือน หรือ ประจำเดือนเลื่อนออกไปได้ครับ โดยในความเห็นของหมอ ไม่ควรทานยาประเภทนี้นะครับ เพราะอาจทำให้สับสนได้ว่าความผิดปกตินั้น เกิดจากอะไร แต่หากทานไปแล้ว เลือดที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นผลจากสารนี้นะครับ ดังนั้น อาจสังเกตอาการเลือดออกไปก่อนนะครับ หากเลือดออกมากะปริดกะปรอยเกิน 7 วันหรือประจำเดือนมาไม่เป็นรอบ ก็ควรมาพยแพทย์นะครับ

ส่วนเรื่องการตรวจการตั้งครรภ์นั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ ซึ่งจากที่กล่าวมา หากตรวจตามนี้แล้วผลที่ได้ออกมา 1 ขีด ก็คือไม่ตั้งครรภ์นะครับ