กระดานสุขภาพ

มูกใสปนเลือด
Natt*****a

23 มิถุนายน 2560 05:46:58 #1

เดิมเป็นคนทึ่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอค่ะ อาจขาดไป 4 -8 เดือนเลยก็มี เลยไปหาหมอนรีเวชมา หมออัลตราซาวด์ก็ตรวจพบถุงน้ำในรังไข่ทั้ง 2 ข้างค่ะ หมอจึงให้ยาขับประจำเดือนมาให้กิน 7 วัน และให้ยาคุมยี่ห้อ Yaxxx มาเพื่อปรับฮอร์โมนค่ะ ประจำเดือนก็มาหลังจากขาดไปนาน วันแรกคือวันที่ 26 เม.ย. 60 ตรงกับวันที่กินยาคุมเม็ดแรกตามหมอสั่งพอดี เดือนถัดมา ปจด. ก็มาปกติหลับจากช่วงหยุดยาคุมก่อนเริ่มกินแผงใหม่ค่ะ มาวันที่ 23 พ.ค. 60 วันที่เริ่มทานยาคุมแผฝใหม่คือ วันที่ 24 พ.ค. 60 หลังจากทานยาคุมเรื่อยๆ ก็มีเพศสัมพันธ์ป้องกันโดยใช้ถุงยางบ้าง หรือไม่ได่ป้องกันแล้วแฟนเสร็จด้านนอกบ้างค่ะ ส่วนยาคุม ก็กินตรงเวลาทุกครั้งค่ะ ไม่เคยลืมกินหรือกินล่าช้าเลย จนยาคุมแผงใหม่หมด ประจำเดือนก็ยังไม่มาค่ะ จนวันที่ต้องเริ่มยาคุมแผงใหม่ก็กินไปตามปกติ กินไปได้ 2 เม็ด ก็มีมูกใสๆปนเลือดออกมา สีไม่ได้เข้มนะคะ และออกมาแค่เล็กน้อยเท่านั้นค่ะ แล้วก็หายไปไม่มีมูกใสปนเลือดอีก เช่นนี้เกิดอะไรหรือคะ ป.ล. มีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายก่อนยาคุมแผงที่ 2 หมด คือวันที่ 7 มิ.ย. 60 และหลังจากยาคุมแผงที่ 2 หมด (13 มิ.ย) คือวันที่ 14 มิ.ย. โดยไม่ได่ใส่ถุงยาง แต่เสร็จด้านนอกค่ะ
อายุ: 21 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 123 กก. ส่วนสูง: 173ซม. ดัชนีมวลกาย : 41.10 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

27 มิถุนายน 2560 15:27:33 #2

ลักษณะประจำเดือนที่ผิดปกติ มาไม่เป็นรอบหรือไม่สม่ำเสมอ หรือ ระยะห่างระหว่างรอบไม่สม่ำเสมอนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด หรือ เดินทางบ่อย เปลี่ยนแปลงสถานที่หรือการดำเนินขีวิต เป็นต้นครับ หากสาเหตุต่างๆนี้หายไปหรือดีขึ้น อาการประจำเดือนก็จะกลับมาปกติ แต่หากไม่ได้มีสาเหตุอย่างที่หมอกล่าวไป และ รอบประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มาไม่เป็นรอบ หรือ ขาดหายไปนานเกิน 3 สัปดาห์แล้ว ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ ไม่ควรไปทานยาอะไรก็ตามที่ต้องการให้มีเลือดประจำเดือนออกมาหรือเป็นการขับเลือดนะครับ เนื่องจากยาในกลุ่มนี้หากเป็นกลุ่มที่เป็นฮอร์โมน นอกจะไม่ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นรอบดี ยังส่งผลต่อทำให้ประจำเดือนผิดปกติ อาจมามาก มากะปริดกะปรอย หรือ ขาดหายไปนาน และไม่มาตามรอบนะครับ ซึ่งปกติแล้ว การให้ยาปรับฮอร์โมนนั้น จะต้องคิดว่า สาเหตุเกิดจากภาวะไม่ตกไข่ตามที่หมอกล่าวไปก่อนครับ จึงจะให้ยากลุ่มนี้ ส่วนในกรณีที่ได้ทานยาฮอร์โมนไปแล้วนั้น หากสาเหตุเกิดจากภาวะไม่ตกไข่จริง ประจำเดือนควรจะมาครับ แต่หากไม่มา ก็ควรมาพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุอื่นๆต่อไปครับ เช่น ฮอร์โมนไทรอยด์ผิดปกติ ฮอร์โมนโปรแล็กติน เป็นต้นครับ

ในเรื่องยาคุมกำเนิดที่กล่าวมานั้น ยาคุมกำเนิดตัวนี้จะมี 28 เม็ด ซึ่ง 24 เม็ดแรก จะเป็นตัวยาฮอร์โมนที่ออกฤทธิ์ครับ ส่วนอีก 4 เม็ดจะไม่มีตัวยา ซึ่งช่วงนี้จะเป็นช่วงที่มีประจำเดือนครับ ส่วนเรื่องประจำเดือนที่ออกมาน้อย ซึ่งอาจน้อยทั้งปริมาณและจำนวนวันนั้น ถือว่าปกติของการทานยาคุมกำเนิดนะครับ และ เลือดประจำเดือนไม่ได้ค้างหรืออยู่ในมดลูกนะครับ เกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกไม่หนาเท่านั้นครับ ส่วนมูกใสๆนั้น เกิดจากสารคัดหลั่งที่มากขึ้นจากผลของยาฮอร์โมนที่ออกฤทธิ์ครับ ส่วนเรื่องเลือดนั้น ส่วนใหญ่แล้วสาเหตุที่เป็นไปได้ของเลือดออกผิดปกติหลังจากการมีเพศสัมพันธ์นั้น มักมาจากความผิดปกติบริเวณปากมดลูกหรือช่องทางคลอดครับ อาจเป็นรอยโรคที่บริเวณปากมดลูก เช่น ต่ิงเนื้อ (polyp) ปากมดลูกมีเนื้อเยื่อผิดปกติ เป็นต้นครับ ดังนั้น ควรมาตรวจภายในกับสูตินรีแพทย์นะครับ เพื่อจะได้หาสาเหตุครับ

ส่วนเรื่องความกังวลเรื่องตั้งครรภ์ จากที่กล่าวมาหากทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์นั้นอยู่ในช่วงที่ทานยาคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนอยู่และทานอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องตั้งครรภ์ครับ แม้จะหลั่งด้านนอกหรือไม่นะครับ และ ไม่จำเป็นต้องทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินนะครับและก็ไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพนะครับ ส่วนหากหยุดยาคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนแล้ว และ มีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ แม้สุดท้ายจะไม่ได้หลั่งด้านใน หรือ สอดใส่ก่อนที่จะใส่ถุงยางอนามัย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้นะครับ เนื่องจากในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์จะมีอสุจิออกมากับสารคัดหลั่งที่ออกมาในช่วงนี้ แม้ปริมาณอสุจิจะน้อย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งการที่เช็ดนำ้อสุจิหลังมีเพศสัมพันธ์หรือก่อนสอดใส่ หรือ การไปปัสสาวะก่อนที่จะร่วมเพศ ก็ไม่ได้ช่วยทำให้การตั้งครรภ์น้อยลงหรือเป็นการลดปริมาณอสุจินะครับ เพราะ อสุจิจะออกมาช่วงที่มีอารมณ์ทางเพศและช่วงสอดใส่อวัยวะเพศ แม้จะยังไม่ได้หลั่งครับ ดังนั้นในการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันนั้น มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์แน่นอนครับ ซึ่งการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งหากอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรทานยานี้นะครับ

หมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ ซึ่งยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้นควรใช้เมื่อกรณีฉุกเฉินเท่านั้นครับ ไม่ควรมาใช้บ่อยๆ เพราะ นอกจากจะทำให้ประสิทธิภาพลดต่ำลงแล้ว ยังทำให้เลือดประจำเดือนผิดปกติได้อีกครับ ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ