โรคซิฟิลิส เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย คือ tryponema pallidum เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จะมีการถ่ายทอดเชื้อจากคนสู่คนส่วนใหญ่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งมีการสัมผัสโดยตรงกับผู้ที่เป็นแผลซิฟิลิส ซึ่งเชื้อที่บริเวณแผลมักจะอยู่ที่บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก ปากช่องคลอด ทวารหนัก ริมฝีปากหรือในช่องปากก็ได้ ผู้ป่วยบางรายติดโรค แต่ไม่มีอาการ ผู้ที่มีอาการ มักจะมีแผลที่บริเวณอวัยวะเพศ ลักษณะแผล จะมีลักษณะกลม ขนาดเล็ก ไม่เจ็บขอบนูนแข็ง และเมื่อเข้าสู่ระยะที่ 2 ก็จะทำให้เกิดผื่นตามผิวหนังและเยื่อบุต่างๆ ของร่างกายผื่นมีลักษณะสีแดง อาจพบได้ที่ฝ่ามือฝ่าเท้า ผู้ที่มีอาการ อาจจะมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต เจ็บคอ ผมร่วง ปวดศีรษะ น้ำหนักลด ไม่มีแรง หากไม่ได้รับการรักษา เชื้อจะอยู่ในร่างกายเป็นเวลานาน และไปทำลายอวัยวะที่สำคัญ ได้แก่ สมอง เส้นประสาท ตา หัวใจ ตับ กระดูก ข้อ และอาจจะทำให้เกิดอาการอัมพาต ตาบอด สมองเสื่อม และเสียชีวิตได้ ในกรณีที่ตรวจพบเชื้อในร่างกาย หรือคิดว่าเป็นโรคซิฟิลิส สามารถรักษาด้วยการฉีดยาเพนนิซิลิน ซึ่งควรจะต้องรักษาทั้งตัวเองและคู่นอน และตรวจติดตามโดยการตรวจเลือด เป็นระยะๆ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีคู่นอนเพียงคนเดียว โอกาสติดเชื้อมักจะน้อยมาก หรือแทบไม่มีเลยควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจให้มั่นใจอีกครั้ง บางครั้งการตรวจเลือดพบว่ามี VDRL ได้ผลบวก อาจจะเกิดจากการ เป็นโรคเนื้อเยื่อเกี่ยวพันบางชนิดเช่น SLE หรือมีการติดเชื้ออื่นๆในระยะเรื้อรังก็จะทำให้ผลเลือด VDRL เป็นบวกได้เช่นกัน