กระดานสุขภาพ

ท้องจริงๆ แค่เครียดเกินไป หรืออาการข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินคะ
Anonymous

20 มิถุนายน 2560 13:01:42 #1

เรียงไทม์ไลน์ให้นะคะ เผื่ออ่านยาวๆแล้วจะงง 11 มิ.ย. (วันอาทิตย์) มีอะไรกัน ไม่สอดใส่ ไม่หลั่ง 12 มิ.ย. (จันทร์) กินยาคุมเม็ดแรกตอน 5 โมง เริ่มปวดท้อง ตัวรุมๆ ร้อนคอ ตกขาวเยอะ *กินแค่เม็ดเดียว ไม่ได้กินเม็ดที่สอง* 14 มิ.ย. (พุธ) ปวดท้อง ปวดหลังเหมือนปจด.จะมา ตัวยังรุมๆ ตกขาวเยอะ 16 มิ.ย. (ศุกร์) << ปจด.ควรมาเลทสุดวันนี้แต่ไม่มา >> 17 มิ.ย. (เสาร์) หายปวดท้องตอนช่วงเย็น อาการเริ่มปกติ ยกเว้นปจด.ยังขาด ตกขาวยังเยอะอยู่ ตัวรุมๆ 18 มิ.ย. (อาทิตย์) ตอนเย็นมีอาการวิงเวียน มึนหัว นอนก็ยังเวียนหัวอยู่ มีอะไรจุกๆที่คอแต่ก้ไม่ได้อาเจียนจริงๆ (อาการคล้ายเมารถค่ะ) ตกขาวน้อยมากจนเกือบหายแล้ว ตัวยังรุมเหมือนเดิม หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเครียดมากทุกวันเลยค่ะ ------------------------------------------------------------------------ สรุปอาการที่ผ่านมาใน 1 อาทิตย์ 1. ปวดท้องน้อย (หายแล้ว) 2. ปวดหลังช่วงที่ประจำเดือนควรมา (ปวดทุกเดือน) (หายแล้ว) 3. แต่ประจำเดือนยังไม่มา (กินยาครบ 1 อาทิตย์แล้ว) 4. ตกขาวเยอะราวๆ 6-7 วัน (หายแล้ว) 5. วิงเวียน โลกหมุน หัวตื้อๆ คล้ายจะอาเจียนแต่ไม่อาเจียน จุกๆคอ 6. เมื่อวานกับวันนี้ค่อนข้างหิวบ่อย 7. ตัวรุมๆ แสบคอหน่อยๆ (อันนี้อาจเป็นหวัดเอง) ------------------------------------------------------------------------ อันนี้เป็นเนื้อเรื่องค่ะ หนูมีอะไรกับแฟนแบบไม่สอดใส่เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว (11 มิ.ย.) ค่ะ คือตรงนั้นมาโดนกัน ถูๆไถๆแต่ไม่ได้เข้าไปแน่นอน หนูพยายามไม่ให้โดนปากช่องคลอด แฟนไม่ได้หลั่งค่ะ และเขามีน้ำหล่อลื่นน้อยยยมากกกก (น้ำหล่อลื่นหนูจะเยอะหน่อย) แต่หนูก็เครียด เลยทานยาคุมฉุกเฉินไปตอนวันจันทร์ (12 มิ.ย.) ประมาณห้าโมงเย็น แต่เหมือนหนูไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว บวกกับวันนั้นใส่กางเกงยีนขาเดฟลุกนั่งทำกิจกรรม เลยมีอาการปวดท้องน้อยจี๊ดๆ เจ็บทรมานดีแท้ แล้วก็ง่วงๆเพลียๆ แฟนก็เลยไม่อยากให้กินยาคุมเม็ดที่สองเพราะเขากลัวร่างกายเรารับไม่ไหว และเขาบอกเขาค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ได้ใส่ยังไงก็ไม่ท้อง น่าจะไม่ได้แตะโดนปากช่องคลอดด้วยซ้ำเพราะหนูดิ้น หนูเลยไม่กินเม็ดที่ 2 ค่ะ พอมาถึงราวๆวันพุธ หนูก็มีเริ่มมีอาการคล้ายเวลาประจำเดือนจะมาค่ะ จากที่ปวดท้องมากอยู่แล้ว ก็มีปวดหลังเพิ่มเข้ามาอีก อื้อหือความทรมานนี้ แต่ประจำเดือนไม่มาสักทีค่ะ จนตอนนี้ก็ยังไร้วี่แวว (จริงๆควรมาวันที่ 16) ปล. ตกขาวหนูมาเยอะมากตั้งแต่วันแรกที่กินยาคุมจนถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตอนนี้หยุดตกขาวแล้วค่ะ แฟนก็ปลอบว่าไม่ท้องหรอก หนูคงแค่เครียดมาก คิดมากไปเฉยๆ หนูก็เริ่มหายกังวลบ้างเพราะเครียดสะสมมาหลายวันจริงๆ แต่แจ็คพ็อตมันมาแตกเอาตรงเมื่อวันอาทิตย์ (18 มิ.ย.) ที่ผ่านมา จู่ๆหนูก็มีอาการเวียนหัว เพลียง่าย มึนๆ โหวงๆ กับจุกๆคอคล้ายจะอาเจียนค่ะ แต่พอพยายามอาเจียนมันก็ไม่มีอะไรออกมานะคะ จนตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ ;-; และประจำเดือนก็ยังไม่มาค่ะ (อาจเป็นเพราะเราเครียดมาก+ฤทธิ์ยาด้วย) เลยอยากถามว่า 1.แบบนี้คือผลข้างเคียงของยาหรือเปล่าคะ (นานขนาดนี้เลยหรอคะ อาทิตย์นึงกับ 1 วันแล้ว) 2. หนูเครียดเกินไป พอเพลียๆแล้วนอนอาจเป็นกรดไหลย้อน (เคยเป็น) 3.หรือนี่เป็นอาการของคนตั้งครรภ์คะ ถ้าท้องจริงๆอายุครรภ์ก็แค่ 1 สัปดาห์ จะแพ้ท้องเร็วขนาดนี้เลยหรอ และไม่สอดใส่สามารถทำคนเราท้องได้ด้วยหรือคะ บางเว็บก็บอกอาการคนท้องคล้ายๆอย่างนี้ บางเว็บก็ระบุว่าอันนี้อาจเป็นผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉิน แต่แฟนเขามั่นใจของเขามากว่าไม่ท้องแน่ หนูเสิชดูก็มีแต่คนบอกว่าไม่สอดใส่ไม่มีทางท้อง จิตตกมากเลยค่ะตอนนี้ ฮือ ช่วยตอบหนูทีนะคะ ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาหนูเครียดมากๆด้วยค่ะ ว้าวุ่นกับเรื่องท้องชนิดไปไล่อ่านอาการคนท้องกับเรื่องสอดใส่ไม่สอดใส่แล้วท้องจนจะหมดกูเกิ้ลแล้ว ปจด.ก็ยังไม่มาอีก แต่มาเครียดสุดเพราะเรื่องเวียนหัวคล้ายจะอาเจียนนี่เลย หนูจะท้องไหมคะ ;-;
อายุ: 20 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 44 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.19 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

20 มิถุนายน 2560 13:31:16 #2

http://haamor.com/webboard/ห้องเพศศึกษา/36674/
Anonymous

20 มิถุนายน 2560 13:32:16 #3

ลองอ่านอันนี้ๆ น่าจะตอบคำถามได้ ระหว่างรอคุณหมอมาตอบคะ เราก็เพิ่งอ่านมา 5555
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

17 กรกฎาคม 2560 19:09:20 #4

หมอขอตอบเป็นประเด็นไปนะครับ

1. เรื่องกังวลที่จะตั้งครรภ์ หากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีเพียงการถูกันเพียงภายนอกเท่านั้น ในกรณีนี้ถือว่า ไม่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้เลยครับ เช่นเดียวกับอสุจิที่อยู่บริเวณภายนอกช่องคลอด ก็ไม่ทำให้ตั้งครรภ์เช่นเดียวกันครับ สบายใจได้ ส่วนในเรื่องการสอดใส่นิ้วที่อาจมีอสุจิปนไปและใส่เข้าไปในช่องคลอดด้วยนั้น หากหมอตอบตามทฤษฎีแล้ว ในกรณีดังกล่าวก็สามารถทำให้มีการตั้งครรภ์ได้ แต่ในแง่ของหลักฐานทางการแพทย์นั้น ไม่เคยปรากฎมีการตั้งครรภ์จากลักษณะที่กล่าวมานะครับ และไม่จำเป็นต้องทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินครับ แต่หากทานไปแล้วอาจส่งผลข้างเคียงของยาได้ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ และ ระหว่างนี้ หากยังไม่แน่ใจว่า เลือดที่ออกเกิดจากประจำเดือนหรือเป็นเลือดผิดปกติ ก็ยังไม่ควรทานยาคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนไปในช่วงนี้ครับ เพราะจะทำให้สับสนได้มากหากเลือดประจำเดือนผิดปกติหรือไม่มา เช่นในกรณีนี้ ดังนั้น หากในระหว่างนี้ มีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัย หมอแนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

ซึ่งหมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ หากครั้งต่อๆไปมีเพศสัมพันธ์ที่อาจมีการสอดใส่อวัยวะเพศ ซึ่งการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ และ เรื่องถุงยางอนามัยที่มีปัญหานั้น โดยปกติแล้วกระบวนการผลิตถุงยางอนามัยนั้น ค่อนข้างรัดกุมมากนะครับ การที่จะขาด รั่ว หรือ ปริแตกนั้นเกิดได้น้อยมากแต่หากเกิดมักเกิดจากการใช้ที่ผิดวิธีครับ หรือหากล่น หลุด ในช่วงมีเพศสัมพันธ์มักเกิดจากใช้ขนาดที่ไม่เหมาะสม ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ

2. อาการของการตั้งครรภ์นั้น จะเริ่มจากประจำเดือนขาดเป็นอย่างแรกเลยนะครับ ซึ่งทางการแพทย์จะนับจากรอบประจำเดือนรอบสุดท้าย ดังนั้น วันที่ประจำเดือนไม่มานั้น ก็จะเป็น 4 สัปดาห์แล้ว ส่วนอาการต่อมานั้น ก็จะมีอาการคลื่นไส้ วิงเวียน ซึ่งจะเร่ิมตอนอายุครรภ์ประมาณ 6-8 สัปดาห์ และ ช่วงนี้อาจมีอาการปัสสาวะบ่อยขึ้นได้เป็นต้นครับ ซึ่งจากที่กล่าวมาไม่เหมือนอาการของการตั้งครรภ์นะครับ

3. ในเรื่องตกขาวนั้น ปกติแล้ว ในช่วงหลังกลางรอบเดือนจนถึงก่อนจะมีประจำเดือนรอบถัดไป หรือหลัง มีเพศสัมพันธ์อาจมีสารคัดหลั่งที่มากขึ้นได้นะครับ หากไม่มีอาการผิดปกติใด เช่น ตกขาวสีเขียวหรือเหลือง กลิ่นเหม็น หรือปวดท้องน้อย ก็ไม่ต้องกังวลครับ สังเกตุอาการไปได้ก่อนครับ ส่วนหากตกขาวนั้น หากตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ

4. ส่วนลักษณะประจำเดือนที่ผิดปกติ มาไม่เป็นรอบหรือไม่สม่ำเสมอ หรือ ระยะห่างระหว่างรอบไม่สม่ำเสมอนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด หรือ เดินทางบ่อย เปลี่ยนแปลงสถานที่หรือการดำเนินขีวิต เป็นต้นครับ หากสาเหตุต่างๆนี้หายไปหรือดีขึ้น อาการประจำเดือนก็จะกลับมาปกติ แต่หากไม่ได้มีสาเหตุอย่างที่หมอกล่าวไป และ รอบประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มาไม่เป็นรอบ หรือ ขาดหายไปนานเกิน 3 สัปดาห์แล้ว ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ ไม่ควรไปทานยาอะไรก็ตามที่ต้องการให้มีเลือดประจำเดือนออกมาหรือเป็นการขับเลือดนะครับ เนื่องจากยาในกลุ่มนี้หากเป็นกลุ่มที่เป็นฮอร์โมน นอกจะไม่ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นรอบดี ยังส่งผลต่อทำให้ประจำเดือนผิดปกติ อาจมามาก มากะปริดกะปรอย หรือ ขาดหายไปนาน และไม่มาตามรอบนะครับ