กระดานสุขภาพ

ยาคุมกำเนิดกับคอลลาเจน
Anonymous

6 มิถุนายน 2560 11:42:54 #1

สวัสดีค่ะ จะสอบถามว่าเราทานยาคุมปกติเวลา3ทุ่ม แต่ตอนนี้ยาคุมหมดแล้ว เราสามารถเปลี่ยนเวลาทานไหมค่ะ เพราะต้องทานคอลลาเจนก่อนนอน คอลลาเจนเป็นคอลลาเจนแท้ มีส่วนประกอบเป็น คอลลาเจนแปปไทม์ 354 mg. แคปซูล no.0. 96 mg แล้วก็มี เจลาติล 94.08 mg ไทเทเนียมดีออกไซด์ 1.92 mg ทานวันละ 4เม็ดก่อนนอน ทานได้ไหมค่ะ มันจะมีผลข้างเคียงกับยาคุมไหมค่ะ
อายุ: 19 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 61 กก. ส่วนสูง: 163ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.96 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

6 มิถุนายน 2560 21:57:29 #2

ยาคุมที่หนูทานเป็น ไดแอน35ค่ะ คอลลาเจนจะไปลดประสิทธิภาพของยาคุมไหมค่ะ
Anonymous

6 มิถุนายน 2560 22:07:50 #3

แล้วตอนนี้ทานยาลดน้ำหนักอยู่ตัวหนึ่งที่มีส่วนประกอบของ สารสกัดจากถั่วขาว สารสกัดจากผลส้มแขก สารสัดจากเปลือกปู ไคโตซาน สารสกัเจากต้นกระบองเพรช จะทานคอลลาเจนด้วยได้ไหม คนเดียวกับคำถามด้านบนค่ะ จะเป็นสารตกค้างไหม ลดประสิทธิภาพของยาคุมหรือป่าว ช่วยตอบหน่อยค่
Anonymous

9 มิถุนายน 2560 21:56:11 #4

ช่วยตอบหน่อยค่ะ
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

10 มิถุนายน 2560 11:21:17 #5

คอลลาเจน และยาลดน้ำหนักที่คุณบอกมา คุณสามารถทานได้ไม่น่าจะมีผลต่อการทานยาเม็ดคุมกำเนิด อย่างไรก็ตาม การทานยาเม็ดคุมกำเนิดควรทานก่อนนอนเพื่อลดอาการข้างเคียงของยา เช่น อาการคลื่นไส้อาเจียน แต่ถ้ากังวลเรื่องประสิทธิภาพของยา ก็ควรทานคอลลาเจนและยาลดน้ำหนักก่อนที่จะทานยาคุมประมาณ 2 ถึง 4 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้ยามีผลต่อกัน ตอนนี้คงไม่สามารถตอบได้ชัดเจนว่าจะลดประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดหรือไม่ ทางที่ดีก็ควรทานให้ห่างกันอย่างที่หมอแนะนำค่ะ

ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

12 มิถุนายน 2560 03:40:43 #6

เรียน คุณ 2bfd1

ขอแยกตอบเป็นประเด็นนะครับ

1. สามารถปรับเปลี่ยนเวลารับประทานยาคุมกำเนิดได้เลยครับ เมื่อเปลี่ยนแผงใหม่ ทั้งนี้ควรรับประทานยาในช่วงเวลาเดียวกันของทุกวัน เวลาคลาดเคลื่อน +/- ไม่เกิน 1 ชั่วโมง เพื่อให้ระดับยาในเลือดสม่ำเสมอ และป้องกันการลืมรับประทานยา

2. ส่วนคอลลาเจนนั้น กรณีไม่ได้ขัดข้องเรื่องค่าใข้จ่าย ก็สามารถรับประทานได้ แต่ร่างกายไม่ได้ดูดซึมในรูปของคอลลาเจนโดยตรง เมื่อรับประทานเข้าสู่ร่างกาย ก็จะถูกย่อยเป็นอนุภาคของกรดอะมิโน
จากนั้นจึงจะเข้าไปรวมเป็นคอลลาเจนประเภทต่างๆ ในร่างกาย
ดังนั้น หากคุณรับประทานอาหารจำพวกโปรตีนที่ดี ร่วมกับวิตามิน ซีที่เพียงพอ ร่างกายก็สามารถนำไปสังเคราะห์เป็นคอลลาเจนในร่างกายได้เช่นเดียวกัน

กรณีต้องการควบคุมน้ำหนัก ควรปฏิบัติตามหลักสุขบัญญัติ โดยควร

2.1 รับประทานอาหารที่ดี มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ เน้นผักสด ผลไม้ที่มีรสไม่หวานจัด โดยใน 1 มื้อ ควรเป็นผัก ผลไม้ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ , โปรตีนที่ดี ไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ ไม่เอาหนัง ประมาณ 25 % ส่วนจำพวกแป้งอีก 25 เปอร์เซ็นต์ ควรเน้นจำพวกที่ไม่ผ่านการขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต เพื่อให้อยู่ท้อง และระดับน้ำตาลในเลือดไม่สูงขึ้นทันที และหายไปอย่างเร็ว

2.2 ออกกำลังกายอย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ และวันละอย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ ที่จะช่วยในการเผาผลาญไขมัน ช่วยให้รูปร่างกระชับ ไม่อ้วน เผละ หรือผิวย้วย

2.3 นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อคืน และไม่ควรเข้านอนเกินเวลา 23.00 น. เนื่องจากในช่วงเวลาประมาณ 1-2 นาฬิกา จะเป็นช่วงที่ร่างกายมีการหลั่ง Growth Hormone ที่ช่วยในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย นอกจากนั้นการนอนดึก นอนน้อย หรืออดนอน จะทำให้ร่างกายเกิดภาวะเครียด จะมีการหลั่งฮอร์โมนสเตียรอยด์จากต่อมหมวกไต ซึ่งสเตียรอยด์นี้จะทำให้ร่างกายมีการเก็บกักน้ำตาล ไขมัน ดึงแคลเซียมออกจากกระดูก ทำให้เซลล์ประสาทเกิดการหดตัว
ไม่มีการเชื่อมต่อระหว่างกัน ลดการเรียนรู้และการตื่นตัว และยังทำให้เซลล์คอลลาเจน และอีลาสเตนเกิดการฝ่อ เหี่ยวย่นไม่กระชับ

3. ไม่แนะนำให้รับประทานร่วมกันนะครับ โดยเฉพาะพวกไคโตซาน จะยับยั้งการดูดซึมไขมัน ดังนั้นวิตามินเอ ดี อี และเค ที่ละลายในไขมัน รวมถึงตัวยาที่เป็นฮอร์โมนเพศที่ต้องอาศัยไขมันในการละลาย ก็จะดูดซึมลดลง เสี่ยงต่อการที่ระดับยาในเลือดจะลดลงด้วย
จากส่วนประกอบ ก็จะเป็นการลดการดูดซึมแป้ง ลดการดูดซึมไขมัน เร่งการใช้พลังงาน ดังนั้น หากคุณรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนี้แล้ว ยังไม่มีการควบคุมอาหาร ก็จะไม่ได้ผล แถมยังสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายอีกด้วย

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล