กระดานสุขภาพ
แบบนี้คือเลือดล้างหน้าเด็กไหมครับ | |
---|---|
23 มีนาคม 2560 03:40:56 #1 แฟนมีประจำเดือนวันที่ 4-9. แต่ปกติแล้วประจำเดือนจะเลื่อนออกไปทุกเดือน เรามีเพศสัมพันธ์กันประมาณวันที่18แบบไม่ได้ป้องกัน แต่แปปเดียวจริงๆ ไม่ถึง1นาที แล้วก็เอาออก อาจจะทีน้ำหล่อลื่นได้บ้าง พอมาวันที่ 22 แฟนมีเลือดออกนิดเดียว ทีละนิด ครั้งแรกเป็นสีแดง ครั้งที่สองเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ จะมีโอกาสท้องไหมครับ (มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ตอนมีก็มีเลือดออกนิดหน่อย) |
|
อายุ: 20 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 80 กก. ส่วนสูง: 178ซม. ดัชนีมวลกาย : 25.25 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล(สูติ-นรีแพทย์) |
4 เมษายน 2560 10:43:07 #2 คำว่า เลือดล้างหน้าเด็กนั้น (Implantation bleeding) ในทางการแพทย์คือ เลือดที่ออกจากการฝังตัวของตัวอ่อนที่เกิดจากการปฎิสนธิของอสุจิและไข่ บริเวณเยื่อบุโพรงมดลูก ในช่วงหลังตกไข่ประมาณ 1 สัปดาห์ หรือ หลังประจำเดือนรอบสุดท้ายประมาณ 3 สัปดาห์ ซึ่งจะเป็นเลือดออกจางๆ ปริมาณเล็กน้อย อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ผิดปกติอะไรครับ แต่ปัญหาอาจทำให้สับสนว่า เป็นเลือดประจำเดือนที่มาผิดปกติหรือไม่ ซึ่งการแยกอาจดูจากลักษณเลือดออก หรือ อาจตรวจปัสสวะในช่วงวันที่ประจำเดือนขาดไปประมาณข่วง 4 สัปดาห์หลังประจำเดือนรอบสุดท้าย หากเป็นผลบวกหรือตั้งครรภ์ ก็ถือว่าเป็น เลือดล้างหน้าเด็กครับ ในการมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ แม้สุดท้ายจะไม่ได้หลั่งด้านใน หรือ สอดใส่ก่อนที่จะใส่ถุงยางอนามัย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้นะครับ เนื่องจากในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์จะมีอสุจิออกมากับสารคัดหลั่งที่ออกมาในช่วงนี้ แม้ปริมาณอสุจิจะน้อย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งการที่เช็ดนำ้อสุจิหลังมีเพศสัมพันธ์หรือก่อนสอดใส่ หรือ การไปปัสสาวะก่อนที่จะร่วมเพศ ก็ไม่ได้ช่วยทำให้การตั้งครรภ์น้อยลงหรือเป็นการลดปริมาณอสุจินะครับ เพราะ อสุจิจะออกมาช่วงที่มีอารมณ์ทางเพศและช่วงสอดใส่อวัยวะเพศ แม้จะยังไม่ได้หลั่งครับ ดังนั้นในการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันนั้น มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์แน่นอนครับ แต่หากการสอดใส่นั้น เพียงแต่พยายามจะสอดใส่หรือเข้าไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อาจไม่ทำให้ตั้งครรภ์ครับ อย่างไรก็ตาม หากกังวลใจหรือไม่แน่ใจว่าสอดใส่ไปมากน้อยเพียงใด การทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งหากอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรทานยานี้นะครับ และ หากทานถูกต้อง ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ ส่วนการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินบ่อยๆนั้น ไม่ควรอย่างย่ิงครับ เนื่องจากจะทำให้ประสิทธิภาพลดต่ำลงแล้วยังทำให้โอกาสเลือดออกผิดปกติและตั้งครรภ์นอกมดลูกมากขึ้นได้ครับ ซึ่งหมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ หากครั้งต่อๆไปมีเพศสัมพันธ์ที่อาจมีการสอดใส่อวัยวะเพศ ซึ่งการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ และ เรื่องถุงยางอนามัยที่มีปัญหานั้น โดยปกติแล้วกระบวนการผลิตถุงยางอนามัยนั้น ค่อนข้างรัดกุมมากนะครับ การที่จะขาด รั่ว หรือ ปริแตกนั้นเกิดได้น้อยมากแต่หากเกิดมักเกิดจากการใช้ที่ผิดวิธีครับ ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ |
Anonymous