การที่คนเรามีสีผิวแตกต่างกันไม่ใช่ความบังเอิญนะครับ แต่เป็นความตั้งใจของธรรมชาติ เม็ดสี (pigment)ที่อยู่ในเซลล์ผิวหนังของเราและทำให้คนเรามีผิวสีแตกต่างกันตั้งแต่ดำ คล้ำ ผิวสีแทน ผิวเหลืองจนกระทั่งขาวนั้น เป็นกลไกที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเพื่อป้องกันตัวเราจากอันตรายที่เกิดจากแสงแดด คนที่ต้องเจอแดดเยอะเม็ดสีที่ว่าจะมีมากผิวจึงคล้ำหรือดำไปเลย ส่วนคนที่ไม่ค่อยเจอแดดร่างกายก็จะผลิตเม็ดสีน้อยลงผิวก็เลยขาว

คนไทยต้องเจอแดดครับ แม้จะไม่เท่าคนทางฝั่งแอฟริกา แต่เราก็ยังต้องผจญกับแสงแดดอยู่ดี เพราะฉะนั้นการที่เราพยายามจะเปลี่ยนแปลงกลไกนี้ในร่างกาย เพราะอยากมีผิวขาว ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าเราจะต้องแลกกับอะไรบ้าง ยิ่งตอนนี้ชั้นโอโซนในบรรยากาศโลกที่ป้องกันโลกของเราจากแสงอุลตร้าไวโอเล็ตก็เริ่มมีรอยรั่วแล้ว แสงอุลตร้าไวโอเล็ตและรังสีชนิดอื่นๆ จากดวงอาทิตย์สามารถเล็ดลอดมาถึงโลกเราได้มากกว่าแต่ก่อน ผิวสีเข้มของเรานี่แหละครับคือปราการสำคัญด่านที่สองที่ช่วยป้องกันเราจากแสงอุลตร้าไวโอเล็ตและรังสีชนิดอื่นๆ ที่ว่านี้

เมื่อก่อนคนไทยชอบมองว่าคนผิวขาวดูแล้วดี สวย ศิวิไลซ์ ซึ่งเป็นการมองเฉพาะเปลือกนอกของคน แต่ทุกวันนี้แนวโน้มเปลี่ยนไปเยอะครับ ดารา พิธีกร ที่ผิวคล้ำ หน้าตาไม่สวย แต่มากไปด้วยความสามารถมีให้เห็นเต็มไปหมด แสดงว่าสังคมของเราเริ่มมองคนที่ความสามารถกันแล้ว ยิ่งในอนาคตเราจะกลายเป็น ASEAN ที่สมบูรณ์แบบ คนหลากหลายเชื้อชาติ หลากหลายผิวสีจะยิ่งมากขึ้น การมองคนที่ความสามารถจะมีความสำคัญมากกว่าหน้าตาผิวพรรณอย่างแน่นอน

คุณอยู่ในช่วงวัยรุ่น เป็นวัยที่กำลังแสวงหาตัวตน อย่าไปใส่ใจกับสีผิวว่ามันจะขาวจะดำเลยครับ ค้นหาตัวตนให้เจอแล้วพัฒนาให้มันเข้มแข็งขึ้น เพราะสิ่งนี้ต่างหากที่จะมีความสำคัญกับชีวิตคุณในอนาคตมากกว่า

นายแพทย์อุดม เพชรสังหาร

ขอบคุณคะ  :)