กระดานสุขภาพ
ปรึกษาโรคทางจิตเวชค่ะ | |
---|---|
24 พฤษภาคม 2560 08:31:27 #1 หนูได้เข้ารับการรักษากับทางโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง จิตแพทย์วินิจฉัยว่าหนูเป็นโรควิตกกังวล จึงให้ยาต้านเศร้า(escitalopam) ยาลดอาการวิตกกังวล(clobazam) อย่างละครึ่งเม็ดเช้าเย็น และยาก่อนนอน(clonazepam) 1 เม็ด มาทาน รักษาได้ประมาณเดือนนึงอาการดีขึ้น แต่บางช่วงก็แกว่งจนต้องเพิ่มยา clobazam เป็น 1 เม็ด เช้าเย็น(จากเดิมครึ่งเม็ด) หนูมีอาการร้องไห้ และวิตกกังวลไร้สาเหตุ หลังจากนั้นก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยจนคิดว่าหายดีแล้ว มีอาการอยู่เล็กน้อยแต่ไม่ได้เป็นมาก หมอจึงลดยาลง เหลือเพียง clobazam ครึ่งเม็ดเฉพาะตอนเครียด แต่พอดีว่าหนูมีเรื่องกังวลใจอย่างมากเข้ามา สาเหตุคล้ายๆแรกเริ่มที่เป็น ตึงกลับมาทาน clobazam ตัวเดิมเป็น 1 เม็ดเช้าเย็น และ clonazepam 1 เม็ดก่อนนอน แต่อาการหนูไม่ค่อยดีขึ้น หนูรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง อ่านหนังสือสอบไม่ได้ สูญเสียสมาธิ ความจำ และร้องไห้เกือบทุกวัน เอาแต่นอนเพราะจะได้หยุดคิด แต่ทุกครั้งที่ตื่นกลับจิตตก และเศร้าโดยอัตโนมัติ บางครั้งฝันร้ายจนต้องตื่นมาร้องไห้ อ่อนเพลีย ไม่สดชื่นจนคนทักว่าแววตาเศร้าหมอง ดูไม่สดใสเลย สิ่งที่ทำแล้วสนุก หรืงานอดิเรกที่ชอบก็ทำได้ไม่ดี ขาดความมั่นใจในตนเอง ไม่กล้าเริ่มที่จะทำ และชอบคิดว่าคนอื่นจะไม่ชอบเรา คิดว่าตัวเราไม่ดี ทั้งๆที่มันไม่มีอะไร มองโลกในแง่ร้ายจนบางครั้งก็รู้สึกแย่กับตัวเอง กินยามาราวๆสามอาทิตย์ (เฉพาะ clobazam+clonazepam) แต่กลับไม่ค่อยดีขึ้น แต่ตอนที่หนูได้ทาน escitalopam ตอนนั้นรู้สึกว่อารมณ์ดีและฟื้นตัวเร็ว แต่ตอนนี้กลับรู้สึกเคว้งคว้าง สิ้นหวัง ดูอาการไม่ค่อยดีขึ้นเลย อาการแบบนี้คืออาการของโรควิตกกังวลที่มีโรคซึมเศร้าร่วมด้วยหรือเปล่าคะ เป็นเพราะหนูไม่ได้ทาน escitalopam จึงทำให้สารเคมีในสมองของหนูมันลดลง และทำให้เศร้าไม่หายสักทีหรือเปล่าคะ หนูทรมานมากๆค่ะ ใช้ชีวิตเหมือนให้มันผ่านไปวันๆ ไม่ได้ทำอะไรให้มีประโยชน์เลย ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบนะคะ |
|
อายุ: 22 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 55 กก. ส่วนสูง: 164ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.45 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
นพ. อุดม เพชรสังหาร(จิตแพทย์) |
29 พฤษภาคม 2560 09:02:35 #2 มีคำแนะนำอยู่ 3 ประเด็นครับ ประเด็นแรก สำหรับเรื่องชนิดและขนาดของยา เอาไว้ให้เป็นภาระของคุณหมอดีมั้ยครับ คุณเล่าให้คุณหมอฟังว่าตอนนี้คุณเป็นอย่างไร ดีขึ้นหรือไม่ดีขึ้น แล้วให้คุณหมอเขาพิจารณาจะดีกว่า อย่าไปกังวลกับมันเลยว่าควรจะใช้ยาตัวไหนดี ประเด็นที่สอง การรักษาโรคเหล่านี้ต้องปรับขนาดของยาให้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละคน ถ้าคุณยังไม่ดีขึ้นต้องบอกคุณหมอครับ เพื่อที่เขาจะได้ปรับยาให้ ประเด็นที่สาม อาการที่คุณเล่ามาค่อนข้างไปทางซึมเศร้า(โรคกังวลก็มีอาการซึมเศร้าแทรกได้) ผมจึงมีความเห็นว่าการทำจิตบำบัดจะช่วยได้ดีขึ้น ไม่ทราบว่าคุณหมอได้ทำจิตบำบัดร่วมด้วยหรือไม่ เพราะบางโรงพยาบาลคนไข้เยอะก็ทำไม่ได้ เนื่องจากการทำจิตบำบัดต้องใช้เวลาเยอะ เรื่องนี้ลองหารือคุณหมอดูนะครับ นพ.อุดม เพชรสังหาร |
Anonymous |
4 มิถุนายน 2560 07:10:13 #3
เมื่อสี่วันก่อนได้ไปหาคุณหมอท่านเดิม ได้ยาต้านเศร้ามาเพิ่มค่ะ อยากทราบว่าอาการตื่นตกใจผวา ตื่นมาแล้วใจสั่น ขนลุก เหมือนหนาวสั่น รู้สึกผวา ได้ยินเสียงอะไรนิดหน่อยก็จะวิตกกังวล เหมือนจิตตก พอเป็นแบบนี้ก็เลยทำให้ซึมตั้งแต่ตอนตื่น ตื่นมาไม่เคยสดชื่นเลยค่ะ อยากทราบว่าอาการแบบนี้เป็นอาการผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมองใช่ไหมคะ และมีทางหายไหม เพราะทานยาลดวิตกกังวลมาราวๆเดือนก็ไม่ค่อยดีขึ้นเลยค่ะ จึงได้ยาต้านเศร้ามาเพิ่ม ตอนนี้ได้แต่รอดูอาการค่ะ
|
นพ. อุดม เพชรสังหาร(จิตแพทย์) |
7 มิถุนายน 2560 15:43:41 #4 แสดงว่าคุณหมอคงมีความเห็นเหมือนกับผมว่าอาการของคุณค่อนข้างไปทางซึมเศร้ามากกว่า(ตามคำแนะนำประเด็นที่ 3 ที่ตอบคุณไปคราวที่แล้ว) เลยเพิ่มยาต้านเศร้าขึ้นอีก ซึ่งผมเห็นด้วย ทีนี้ก็คงต้องรอดูว่าอาการของคุณจะตอบสนองต่อยาดีหรือไม่ ซึ่งสิ่งที่จะบ่งบอกก็คือการนอนหลับจะต้องดีขึ้น ถ้าการนอนหลับยังไม่ดีขึ้นก็กลับไปเล่าปัญหาให้คุณหมอฟังได้ครับ คุณหมอจะได้ปรับยาให้อีก ส่วนอาการอย่างอื่นมันจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายหลังจากที่การนอนหลับของคุณดีขึ้นแล้ว โรคซึมเศร้ารักษาได้ครับ และใช้เวลารักษาประมาณ 6 เดือน อย่าเพิ่งท้อแท้ คุณอยู่ในความดูแลของคุณหมอแล้วครับ นพ.อุดม เพชรสังหาร |
Anonymous