กระดานสุขภาพ

เครียดมากกับโรควุ้นในตาเสื่อม
Anonymous

9 มีนาคม 2558 07:17:29 #1

คือ... ตอนนี้ผมเป็นโรควุ้นในตาเสื่อมครับ ผมมีอายุเพียงแค่ 28 เท่านั้นเอง แถมสายตาก็ปกติ และไม่เคยได้รับอุบัติเหตุทางสายตาด้วย ซึ่งผมเป็นที่ตาข้างขวา 2 ก้อน และมีหยากไย่เส้นยาวมาก 1 เส้น และเส้นสั้นใสๆ 1 เส้น ส่วนตาข้างซ้ายนี่มีหยากไย่เส้นยาวๆ เยอะมากเกี่ยวกันไปมาจนนับไม่ได้

ตอนนี้เครียดมากๆ จนรู้สึกว่าชีวิตหมดความสุขไปเลย บางครั้งอยากฆ่าตัวตายไปให้จบๆ ไปเลย จะได้ไม่ต้องตื่นมากังวลซ้ำๆ ซากๆ อีก เพราะมีวุ้นในทั้งตาซ้ายและขวา ทั้งแบบหยากไย่และแบบจุด แต่ข้างละข้างก็มีหลายจุด และส่วนที่มีลักษณะเป็นหยากไย่ก็ยาวมากๆ

จนทุกวันนี้เป็นโรคกลัวแสงสว่าง กลัวที่กลางแจ้ง ไม่กล้ามองท้องฟ้า (ทั้งๆ ที่มีอาชีพเป็นครูต้องคุมแถวนักเรียนตอนเช้าของทุกวันด้วย ยิ่งเห็นวุ้นในตาเสื่อมชัดก็ยิ่งเครียด) ไม่อยากทำงานที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ ไม่กล้าวิ่งเพราะกลัวเซลล์ที่เสื่อมมันจะหลุดออกมาอีก

ผมสงสัยว่าโรควุ้นในตาเสื่อม เป็นสาเหตุของการที่ทำให้ประสาทตาฉีกขาดได้ ซึ่งเป็นเรื่องร้ายแรงเลยทีเดียว

แต่ทางการแพทย์ไม่คิดวิธีรักษาแบบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม คือการทำลายวุ้นที่เสื่อมออกมาซะก่อนที่มันจะไปทำร้ายประสาทตา

ตอนนี้ผมเครียดมากๆ ไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรเลย เว็บไซต์ที่เกี่ยวกับโรคนี้ใน Google ผมได้เปิดอ่านมันทุกเว็บแล้ว

แต่ยิ่งเปิดก็ยิ่งกังวลใจ จนทำอะไรไม่ถูกแล้ว สะดุ้งตื่นมากลางคืนก็ร้องไห้มันทุกคืน ตื่นเช้ามาก็ไม่อยากจะเจอแสงแดดเลย

ผมไม่อยากเป็นแบบนี้ ทั้งๆ ที่มีอายุเพียงแค่นี้เอง จนอารมณ์ตอนนี้อยากตายๆ ไปซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

ไปหาหมอที่เก่งที่สุดในจังหวัด เสียค่าตรวจก็แพง แต่หมอก็ทำเป็นเหมือนว่าไม่มีอะไรผิดปกติ แค่วุ้นในตาเสื่อม

แถมให้คำปรึกษาแบบให้มันเสร็จๆ ไป เพื่อจะตรวจคนไข้รายอื่น เค้าไม่รู้หรอกว่าผมวิตกกังวลและเครียดแค่ไหน

ผมจะทำยังไงดีครับ ผมได้ข้อมูลมาว่ามันจะไม่หายไปจากตา และจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ผมคงทำใจรับวันนั้นไม่ได้ ผมย้ำคิดย้ำทำกับการคิดถึงวันอดีตเก่าๆ ที่ไม่มีความเสื่อมนี้หรือว่าการตายเท่านั้นจะคือการแก้ปัญหานี้ให้หายไป

ผมเครียดมากๆ และสะดุ้งตื่นมาคิดและเครียดตอนกลางคืนมาเกือบเดือนแล้ว และวันๆ ก็นั่งมองแต่จุดดำๆ ที่นับวันก็กลัวว่าความเสื่อมมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผมก็เห็นว่ามันเพิ่มขึ้นจากเดิมจริงๆ แต่ไม่ทราบว่าผมคิดไปเองรึป่าว พอเจอมันก็กระอักกระอ่วน เครียด และกลุ้มใจยิ่งกว่าเดิมเป็นทวีคูณ จนไม่อยากทำอะไร หรือคิดถึงอนาคตเลย

ทำไมโรคบ้าๆ นี่ต้องมาเกิดกับผมตอนที่ผมอายุเพียงเท่านี้ด้วย ทำไมมันไม่มาเกิดตอนที่ผมอายุ 50-60 ปี ตามที่ตำราในอินเตอร์เน็ตบอกไว้

อายุ: 28 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 80 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 27.68 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Haamor Admin

(Admin)

9 มีนาคม 2558 19:14:48 #2

ถึง คุณ 558f3

เนื่องจากเว็บไซต์เป็นที่สาธารณะ ดังนั้นเพื่อให้ข้อมูลเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากที่สุด ทางทีมงานจึงทำการซ่อนชื่อจริงของผู้ถามให้นะคะ โดยคุณ 558f3 ยังสามารถติดตามคำตอบคุณหมอได้ที่กระทู้นี้ค่ะ

และหากครั้งต่อไปคุณ 558f3 ต้องการปกปิดชื่อตนเอง สามารถเลือก "ไม่แสดงภาพและชื่อของผู้โพส" ทางด้านขวาเวลาตั้งกระทู้คำถามใหม่ค่ะ

นพ. อุดม เพชรสังหาร

(จิตแพทย์)

11 มีนาคม 2558 18:00:30 #3

เห็นใจและเข้าใจคุณครับ
ไม่มีใครอยากป่วย โดยเฉพาะการป่วยที่ดูเหมือนว่าอาจจะนำอะไรที่ร้ายแรงมาให้ในภายหลัง ตอนนี้คุณกำลังสงสัยว่าการป่วยครั้งนี้ของคุณมันจะนำอะไรที่ร้ายๆ อย่างที่ว่ามาให้คุณจริง

คุณกำลังกลัวว่าคุณอาจจะตาบอดในอนาคตอีกไม่นาน "แล้วทำไมเราถึงได้โชคร้ายอย่างนี้นะ"

คุณค้นข้อมูลมาอ่าน ยิ่งอ่านคุณก็ยิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่คุณสงสัยมันใช่แน่ๆ ด้วยเหตุนี้คุณจึงโกรธที่หมอไม่ได้เป็นทุกข์เป็นร้อนไปกับคุณเอาซะเลย ทำไมหมอไม่ทำอะไรที่เป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นซะ ทำไมหมอเห็นความทุกข์ของคุณเป็นเรื่องธรรมดาๆ ไปซะงั้น

คุณกำลังทุกข์อยู่กับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น(หรืออาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้)

การค้นคว้าความรู้เรื่องสุขภาพมาอ่าน เพื่อการดูแลสุขภาพตัวเองเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่การตีความความรู้เหล่านั้นบางทีก็ต้องระวังเหมือนกัน มีไม่น้อยครับที่ความรู้ที่เผยแพร่ในอินเตอร์เน็ตนั้นสามารถสร้างความกังวลให้กับเราได้เหมือนกัน เพราะผู้เขียนไม่ได้ลงข้อมูลทั้งหมดเอาไว้ ส่วนการจะค้นข้อมูลให้ได้ครบโดยละเอียดโดยเฉพาะข้อมูลทางการแพทย์นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะสำหรับคนที่ไม่ใช่แพทย์ หรือไม่ได้เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นๆ

โอกาสที่โรควุ้นในตาเสื่อมจะทำให้เกิดจอตาหลุดมักเกิดในผู้สูงอายุครับ โอกาสที่จะเกิดกับคนหนุ่มสาวนั้นน้อยมาก(เว้นเสียแต่คุณมีปัญหาสายตาสั้นด้วย) และโรควุ้นในตาเสื่อมหมอตาเขาก็ไม่ไปทำอะไรกับมัน เพราะการไปยุ่งกับมันบางทีอาจทำให้เกิดปัญหาอย่างอื่นตามมาได้ เขาจะคอยติดตามเป็นระยะๆ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นนั่นแหละครับเขาถึงจะจัดการ

การดูแลสุขภาพตัวเอง และการปฏิบัติตัวตามคำแนะนำจึงสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องความเครียดเพราะมันคือเหตุเสริมอันหนึ่งที่ทำให้ปัญหานี้รุนแรงขึ้น

ตอนนี้คุณกำลังเครียดและวิตกกับปัญหานี้มาก ซึ่งไม่เป็นผลดีเลย และความเครียดส่วนหนึ่งก็มาจากการอ่านข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต เสร็จแล้วคุณก็เอาข้อมูลที่ได้นี้ไป "พยากรณ์อนาคตตัวเอง" ว่ามันร้ายแน่ๆ
คุณเลยเกิดความรู้สึกท้อแท้ "ทำไมตัวฉันถึงได้โชคร้ายอย่างนี้นะ" ทั้งๆ ที่ปัญหามันยังไม่เกิดขึ้นเลย

กลับมามองและพิจารณาชีวิตของคุณในปัจจุบันดูใหม่ครับ ทุกวันนี้คุณยังมองเห็น คุณยังทำงานได้ใช้ชีวิตได้ข้อสำคัญคุณยังหนุ่มแน่น โอกาสที่จะเกิดเรื่องอย่างที่คุณกลัวมันน่าจะยาก
ส่วนในอนาคตอะไรมันจะเกิดขึ้นไม่มีใครบอกได้หรอกครับ แต่ ณ ปัจจุบันมันยังไม่เกิด ถ้าคุณดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี สิ่งที่คุณกลัวอาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ อย่าเอาสิ่งที่เราสร้างขึ้นเองตามจินตนาการ(ที่น่ากลัว)ของเรามาทำลายชีวิตและความสุขในปัจจุบันของเราเลยครับ

นพ.อุดม เพชรสังหาร