กระดานสุขภาพ

ปวดหัวไม่หาย
Thaw*****k

30 พฤศจิกายน 2556 12:54:25 #1

สวัสดีครับ

ผมมีอาการปวดหัว แบบทั่วทั้งหัว ระดับความปวดประมาณ 7/10 ปวดตาด้วยนิดหน่อย กล้ามเนื้อกระตุกบ่อยผิดปกติโดยกระตุกเป็นตำแหน่งๆไป คล้ายๆตากระตุก และตัวสั่น แน่นหน้าอก ใจสั่นเล็กน้อย อาชีพที่ทำคือนักศึกษาและสอนพิเศษ ไปรักษาหลายครั้งแล้วก็หาย แต่ไม่หายขาด โดยได้รับยา แก้ปวด ยาช่วยเลือดไปเลี้ยงสมอง ยาแก้อักเสบ ยาเกี่ยวกับเส้นประสาท (หมอไม่ได้บอกชื่อยา) บางครั้งก็ได้ยาบำรุงหัวใจมา แต่พอหลังจากยาหมด จะรู้สึกแน่นหน้าอก ใจสั่น(ใจเต้นแรงคล้ายๆตื่นเต้นแต่ไม่ได้ตื่นเต้น)และตามมาด้วยอาการปวดหัวอีกเช่นเคย เป็นอยู่แบบนี้มา 2 เดือนแล้ว อยากทราบว่า ผมเสี่ยงที่จะเป็นโรคอะไร ควรหาหมอทางด้านไหน ควรตรวจอะไรเพิ่มเติม เช่น ตรวจปัสสาวะหรือตรวจเลือด ฯลฯ

ขอบคุณครับ

อายุ: 22 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 62 กก. ส่วนสูง: 167ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.23 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
รศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญอายุรกรรมประสาทวิทยา

1 ธันวาคม 2556 14:52:43 #2

สวัสดีครับ

ผมว่าอาการที่เล่ามานั้นน่าจะเป็นปวดศีรษะไมเกรนครับ น่าจะต้องพบอายุรแพทย์หรือหมอ ระบบประสาทครับ เพื่อให้การรักษาที่ต่อเนื่องครับ ต้องพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นครับ ทานยาป้องกันการปวดศีรษะนาน 6 เดือน อาการก็จะดีขึ้นมากๆครับ

โชคดีครับ

 

นพ. สมศักดิ์

Thaw*****k

2 ธันวาคม 2556 13:43:39 #3

ตอนที่เป็นแรกๆ ปวดมากๆ ความดันขึ้นไป 155 ก็ได้ยาลดความดันมา ตอนนี้ความดันประมาณ 128-137 แต่ลักษณะการปวดก็เหมือนกับตอนความดันสูงครับ เพียงแต่ไม่ปวดมากเหมือนตอนแรก ช่วงเวลาที่ปวด จะปวดเท่ากันตลอดทั้งวัน แต่จะปวดมากขึ้นเมื่อเคร่งกับงานหรืออยู่กับความวุ่นวาย

ช่วงก่อนหน้านี้หลายปีเคยเป็นไมเกรนแต่อาการปวดก็ไม่เหมือนที่เป็นอยู่ครับ คือมันจะปวดขมับตึบๆตามจังหวะหัวใจ ตาเบลอ คลื่นไส้ มือชา 2-3 ชั่วโมงก็หายเอง ทีแรกเลยระแวงว่าจะไม่ใช่ไมเกรนเพราะไม่เคยปวดแบบนี้มาก่อน ยังไงจะลองไปหาหมออีกทีพรุ่งนี้ ขอบคุณคุณหมอมากครับ 

รศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญอายุรกรรมประสาทวิทยา

2 ธันวาคม 2556 15:06:26 #4

สวัสดีครับ

อาการที่ให้เพิ่มเติมนั้นยิ่งน่าสนใจครับ ที่ว่ามีความดันสูงครับ เพราะถ้าอายุ 22 ปี มีความดันสูง คือ ปัญหาครับ เพราะอายุน้อยและมีความดันสูง ต้องหาสาเหตุ เพราะพบน้อยมากในอายุ 22 ปีครับ ผมกลัวว่าความดันที่สูนั้นน่าจะเป็นจากการที่ปวดศีรษะครับ เพราะถ้าเป็นความดันสูงที่ทำให้ปวดศีรษะนั้นต้องมีความดันที่ขึ้นสูงมากๆครับ เช่น 200/120 ครับ อาการที่เล่าถ้าไม่เป็นไมเกรนที่เป็นมากขึ้น จนกลายเป็นปวดศีรษะเรื้อรังที่เป็นทุกวัน และเป็นสองข้าง เป็นแรงขึ้น ผมแนะนำว่าไปพบแพทย์น่าจะดีที่สุดครับ

โชคดีครับ

นพ. สมศักดิ์

Thaw*****k

12 ธันวาคม 2556 11:21:37 #5

สวัสดีคุณหมอครับ

หลังจากที่ได้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลมา(เป็นแพทย์ทางอายุรศาสตร์ทั่วไป) ตรวจเบื้องต้นหมอสรุปว่าไม่มีความผิดปกติทางสมองหรืออาจจะมีแต่ยังไม่แสดงอาการ จากนั้นแพทย์ก็เช็คประวัติก่อนหน้านี้ พบว่าให้ยาแก้ปวดไปหลายตัวแล้วยังไม่ดีขึ้น จึงจ่ายยาคาฟอก็อตกับยาแก้เวียนศีรษะมา ลองทานดู 3 วัน พบว่าอาการไม่ดีขึ้นเลย

จากนั้นลองไปหาที่คลินิกที่รักษาประจำ(เป็นแพทย์ทางประสาทวิทยา) แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นอาการปวดศีรษะจากความเครียด และให้ยามา 4 ตัว ซึ่งน่าจะเป็นยาที่เคยบอกไว้ตอนแรกคือ ยาแก้ปวด ยาช่วยเลือดไปเลี้ยงสมอง ยาแก้อักเสบ ยาเกี่ยวกับเส้นประสาท พอทานยาก็หายปกติ แต่พอหยุดยา จะมีอาการเช่นเดิมภายใน 24 ชม.หลังหยุดยา โดยจะเริ่มแน่นหน้าอก ใจสั่น ปวดศีรษะ และมีข้อสังเกตอีกอย่างคือ เมื่อไปพบแพทย์ในวันทำงานกับวันปกติ พบว่าความดันในวันที่ทำงานสูงกว่าวันปกติ แสดงว่าความเครียดมีผลต่อความดันใช่รึเปล่าครับ? โดยส่วนตัวตอนนี้ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเครียด แต่ช่วงก่อนหน้านี้จะค่อนข้างเครียด ไม่ออกกำลังกาย ชอบดื่มชา กาแฟ เลยไม่แน่ใจว่าที่เป็นอยู่เกิดจากการปฏิบัติตัวเองไม่ถูกสุขลักษณะรึเปล่า? เลยอยากขอคำแนะนำจากคุณหมอว่า

1. ถ้าผมเป็นโรคปวดศีรษะจากความเครียดจริง การรักษากรณีกับคลินิก เป็นการรักษาที่ถูกทางรึเปล่าครับ

 

2. ผมควรพบแพทย์(ทางประสาทวิทยา)คนใหม่ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการรักษาหรือไม่ครับ

3. อาการที่เป็น เป็นอาการ"ติดยา" รึเปล่าครับ

4. โรคนี้มีระยะเวลาในการรักษานานเท่าไรครับ ทั้งการใช้ยาและไม่ใช้ยา

ช่วยผมด้วยนะครับ รู้สึกว่ามันจะรบกวนชีวิตประจำวันผมอย่างมากเลย ขอบพระคุณครับ

รศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญอายุรกรรมประสาทวิทยา

13 ธันวาคม 2556 11:07:22 #6

สวัสดีครับ

ขอบคุณนะครับที่ให้ทราบความคืบหน้า ผมมีความคิดเห็นดังนี้ครับ

1. ถ้าผมเป็นโรคปวดศีรษะจากความเครียดจริง การรักษากรณีกับคลินิก เป็นการรักษาที่ถูกทางรึเปล่าครับ

ผมเห็นด้วยว่าอาการดังกล่าวน่าจะเป็นปวดศีรษะจากความเครียดจริงๆ ครับ โดยที่เราไม่ทราบหรอกครับว่าเครียดหรือไม่ การรักษาที่ได้รับก็น่าจะดีแล้วครับ ยกเว้นถ้าต้องทานยาแก้ปวดตลอดก็ไม่น่าจะดีครับ เพราะจะทำให้ติดยาแก้ปวดได้ครับ

2. ผมควรพบแพทย์(ทางประสาทวิทยา)คนใหม่ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการรักษาหรือไม่ครับ

ข้อนี้ผมว่าแล้วแต่สะดวกครับ กรณีถ้าเรารักษากับหมอท่านใดท่านหนึ่งแล้วดีขึ้นมาก ผมก็ว่าไม่น่าจะต้องเพิ่มทางเลือก ยกเว้นเราติดขัดอะไรบางอย่างหรือไม่มั่นใจ ต้องการความคิดเห็นเพิ่มเติมก็แล้วแต่ความสะดวกครับ

3. อาการที่เป็น เป็นอาการ"ติดยา" รึเปล่าครับ
การทานยาแก้ปวดนานๆก็ติดยาได้ครับ เช่น ทานยาพาราเซตามอลมากกว่า 5วันต่อสัปดาห์ ติดต่อกันหลายสัปดาห์ก็ติดยาแล้วครับ อาการที่เล่ามาก็น่าสงสัยครับ เพราะทานยาก็ดี หยุดยาก็ปวด เป็นอาการที่ต้องคิดถึงเลยครับ

4. โรคนี้มีระยะเวลาในการรักษานานเท่าไรครับ ทั้งการใช้ยาและไม่ใช้ยา

การรักษาอาการปวดศีรษะจากความเครียด นานแค่ไหนนั้นขึ้นกับอาการและสาเหตุครับ แต่ส่วนใหญ่นานครับ

โชคดีครับ

นพ.สมศักดิ์