เรียน คุณ Yamroll,

จากข้อมูลที่คุณให้มา ตัวยาแต่ละตัวไม่ได้รับติดต่อกันปริมาณมากและเป็นเวลานาน ไม่น่าจะส่งผลต่อตัวอ่อนในครรภ์นะครับ ตัวอ่อนในครรภ์จะมีความแข็งแรงทนต่อสารเคมีในระดับหนึ่ง หากไม่ได้รับในปริมาณที่สูงและติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ แต่อย่างไรก็ตามควรแจ้งสูติ-นรีแพทย์ที่คุณฝากครรภ์ด้วย ว่าเคยได้รับยาอะไรไปบ้าง เพื่อเฝ้าระวังและติดตามต่อไป
ในทางการแพทย์จะมีการอัลตร้าซาวนด์ตรวจเป็นระยะ ๆอยู่แล้ว สามารถปรึกษาแพทย์ได้ตลอดเวลา

- อย่าลืมนะครับ ว่าไม่ใช่เฉพาะยาเพียงอย่างเดียวที่คุณต้องระวัง แม้แต่อาหารหรือสารปรุงแต่งอาหารบางอย่างก็อาจส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้

ในบางการศึกษาพบว่ามารดาที่รับประทานผงชูรสในปริมาณสูง ๆทุก ๆวัน ก็อาจเกิดผลต่อพัฒนาการทางสมองของเด็กได้ หรือมารดาที่เป็นโรคทางพันธุกรรม พร่องเอนไซม์ G-6PD
เมื่อได้รับวิตามิน ซีในขนาดสูง เช่น 1-2 กรัมต่อวัน ก็อาจทำให้เม็ดเลือดแดงแตกง่าย เสียเลือด จนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

- จึงควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ มีสารอาหารครบถ้วน งดพวกหวานจัด มันจัด หรือเค็มจัด
ออกกำลังกายเบา ๆ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าเครียด (ฮอร์โมนความเครียด เช่น สเตียรอยด์ก็สามารถส่งผ่านถึงทารกในครรภ์ได้)

- ทำใจให้สบายนะครับ รับประทานวิตามินเสริมที่แพทย์จัดให้ เนื่องจากมีความจำเป็น เช่น ธาตุเหล็ก (บำรุงเลือดคุณแม่ ทำให้มีการส่งผ่านอาหารที่ดีไปถึงทารกได้ เตรียมพร้อมการเสียเลือดตอนคลอดด้วย) โฟเลท (ช่วยให้เม็ดเลือดแดงมีความแข็งแรง เรื่องพัฒนาการทางสมองของทารกด้วย) แคลเซียม (บำรุงกระดูกทั้งคุณแม่และคุณลูก)

- ไม่ซื้อยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆมารับประทานเอง โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

หมายเหตุ ได้นำข้อมูล Pregnancy category C ตามนิยามของ US. FDA. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ประเทศสหรัฐอเมริกา) จะพบว่ามีเพียงรายงานที่พบในสัตว์ทดลอง แต่ไม่มีข้อมูลเพียงพอ หรือไม่เคยพบในคน ให้แพทย์ชั่งน้ำหนักระหว่างผลดีและผลเสียต่อสุขภาพของมารดาและทารก

Animal reproduction studies have shown an adverse effect on the fetus and there are no adequate and well-controlled studies in humans, but potential benefits may warrant use of the drug in pregnant women despite potential risks.