เรียน คุณ 90bd7,

ในทางการแพทย์จะใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ต่อเมื่อเกิดเหตุจำเป็นเท่านั้น เช่น การถูกข่มขืน หรือ ถุงยางอนามัยฉีกขาด
เนื่องจากฮอร์โมนปริมาณสูง และอัตราล้มเหลวสูงกว่ายาคุมกำเนิดทั่วไป หรือถุงยางอนามัย
ฮอร์โมนในขนาดสูง จะทำให้การบีบตัวของท่อนำไข่ช้าลงเพื่อให้เวลาไม่เหมาะสมกับการผสมของไข่และอสุจิ เยื่อบุผนังมดลูกไม่เหมาะสมกับการฝังตัวของไข่

การรับประทานยาต้องรับประทานให้ครบถ้วน ถูกต้อง
อาการไม่พึงประสงค์ที่พบบ่อย คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศ๊รษะ เลือดออกกะปริบกะปรอย
อาการไม่พึงประสงค์ที่พบน้อยมาก แต่รุนแรง ได้แก่ การตั้งครรภ์นอกมดลูก (เนื่องจากท่อนำไข่บีบตัวช้าลง)
ขนาดยาที่แนะนำโดยบริษัทยา ไม่ควรรับประทานเกิน 2 ชุดต่อเดือน
แต่จากการศึกษาวิจัย พบว่าสตรีที่มีการรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน เกิน 3 ชุด ตลอดชีวิต มีอัตราการเป็นมะเร็งมากกว่าสตรีทั่วไปที่ไม่เคยได้รับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมาก่อน
ทั้งมะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก รังไข่

ดังนั้น หากคุณคิดจะมีเพศสัมพันธ์ ใช้ถุงยางอนามัยจะดีกว่านะครับ นอกจากช่วยคุมกำเนิดแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกด้วย ทั้งโรคเอดส์ ตับอักเสบ หูดหงอนไก่
หรือเชื้อพยาธิในช่องคลอด ฝ่ายหญิงก็จะเสี่ยงน้อยลงในการรับเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก จากฝ่ายชายได้ด้วย

อย่าลืม "ยืดอก พกถุง" หากไม่อย่างนั้น ก็อาจจะอดกินสไปรท์ได้นะครับ เพราะถ้าจะ "กินสไปรท์ ต้องใส่ถุงเท่านั้น"

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเรานะครับ
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน (Emergency contraceptive pill) โดย รศ.ดร.นพ.บัณฑิต ชุมวรฐายี

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล