กระดานสุขภาพ
อยากให้แฟนกินยาคุมแบบเดือน | |
---|---|
29 ธันวาคม 2561 14:19:15 #1 พอรู้ข้อมูลการใช้มาบ้างแต่อยากทราบว่าหากแฟนผมกินแล้วต้องกินตลอดไปเลยหรือป่าวแล้วหลังเลิกกินแล้วมีเพศสัมพันธ์ได้ไหมแล้วมีโอกาสตั้งครรภ์ไหม |
|
อายุ: 20 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 69 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 25.34 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผลเภสัชกร |
31 ธันวาคม 2561 05:42:12 #2 เรียน คุณเมทินี เรียน คุณ Games2541, ก่อนตอบคำถามของคุณ ขอให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกใช้ยาคุมกำเนิดให้เหมาะสม ก่อนอื่นต้องพิจารณาว่ามีข้อห้ามใช้ยาคุมกำเนิดรับประทานชนิดรายเดือนหรือไม่ เช่น
พิจารณาคัดเลือกตัวยาให้เหมาะสมกับรูปแบบของฮอร์โมนเพศแต่ละบุคคล 1. ผู้ที่มีฮอร์โมนเพศเอสโตรเจนเด่นชัด มักมีรูปร่างอกเอวชัดเจน ผิวค่อนข้างแห้งหรือผิวผสม รูขุมขนค่อนข้างเล็ก ละเอียด เส้นขนจางหรือเส้นเล็ก รูปแบบการมีประจำเดือนมักมาในช่วงห่าง 28-35 วัน ประจำเดือนมาปริมาณค่อนข้างมาก (อาจต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยหลายแผ่นต่อวัน) และมาติดต่อกันนาน อยู่ในช่วง 5-7 วัน ถ้าเป็นแบบนี้ แพทย์จะเลือกใช้ยาคุมกำเนิดชนิดที่มีปริมาณเอสโตรเจนค่อนข้างต่ำ เช่น 15-20 ไมโครกรัม เพื่อให้เกิดสมดุลของฮอร์โมนเพศในร่างกาย 2. ผู้ที่มีฮอร์โมนเพศโปรเจสโตรเจนเด่นชัด มักมีรูปร่างอกเอวไม่ชัดเจน รูปร่างค่อนข้างตรง ผิวมัน หน้ามัน เป็นสิวง่าย รูขุมขนค่อนข้างกว้าง ขนเส้นใหญ่ รูปแบบการมีประจำเดือนมักมาในช่วงนานกว่า 35 วัน ประจำเดือนมาปริมาณค่อนข้างน้อย และมักมาน้อยวัน เช่น 2-3 วัน ถ้าเป็นรูปแบบนี้ แพทย์มักแนะนำให้เลือกใช้ยาคุมกำเนิดชนิดที่มีปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนเด่นชัด เช่น 20-30 ไมโครกรัม เพื่อให้เกิดสมดุลของฮอร์โมนเพศในร่างกาย จากข้อมูล สามารถปรึกษาเภสัชกรร้านยาใกล้บ้านว่ายาคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับรูปแบบฮอร์โมนเพศของร่างกายแบบใด การรับประทานยาคุมกำเนิดที่ไม่เหมาะสม ก็อาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาได้ เช่น หากเลือกชนิดที่มีปริมาณเอสโตรเจนต่ำเกินไป ก็อาจทำให้เกิดอาการเลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างเดือน หรือเมื่อรับประทานยาผิดพลาดคลาดเคลื่อน โอกาสเสี่ยงในการตั้งครรภ์ก็จะสูงขึ้นได้ หากรับประทานยาคุมกำเนิดที่มีปริมาณเอสโตรเจนสูงเกินไป ก็อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน คัดตึงเต้านมได้ หรือเมื่อมีประจำเดือนก็อาจมีอาการปวดมากกว่าปกติ ประจำเดือนมามากกว่าปกติได้ เมื่อรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดรายเดือนที่เหมาะสมแล้ว ร่างกายก็จะค่อย ๆปรับตัว ให้มีรอบประจำเดือนเป็น 28 วันทุกเดือน ทั้งนี้ต้องไม่ใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นใดร่วมด้วย โดยที่ไม่ได้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ส่วนประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด หากรับประทานยาอย่างถูกต้อง เหมาะสม โอกาสเสี่ยงในการตั้งครรภ์จะน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ครับ ขอแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรับประทานยาคุมกำเนิดให้ถูกต้องนะครับ 1. รับประทานยาอย่างถูกต้อง สมำ่เสมอ เวลาที่รับประทานยาไม่ควรคลาดเคลื่อนเกิน +/- 1 ชั่วโมง เพื่อให้ระดับยาในเลือดค่อนข้างคงที่ตลอดวัน และป้องกันการลืมรับประทานยา ควรรับประทานยาเวลาก่อนเข้านอน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ท้องค่อนข้างว่าง และป้องกันการเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียนจากการับประทานยา 2. รับประทานยา "ทุกชนิด" ด้วยน้ำเปล่าสะอาดเท่านั้น (ยกเว้น แต่ว่าแพทย์หรือเภสัชกรจะแนะนำเป็นเครื่องดื่มอื่น) เนื่องจากเครื่องดื่มบางชนิดจะทำให้ตัวยามีการละลายลดลง ตัวยาตกตะกอน ร่างกายไม่สามารถดูดซึมยาได้ เช่น ชา (ชาขาว ชาเขียว ชาแดง) กาแฟ โกโก้ ชอคโกแลต นม (รวมถึงโยเกิร์ต) น้ำเต้าหู้ โซดา น้ำอัดลม ฯ หรือน้ำผลไม้บางชนิดจะกระตุ้นให้ตับที่เป็นแหล่งในการเผาผลาญ กำจัดยา สร้างเอนไซม์หรือน้ำย่อยที่ใช้กำจัดยาได้เพิ่มมากขึ้น หรือเร็วขึ้น เช่น น้ำเกรปฟรุต (ผลไม้จำพวกเดียวกับส้มโอ) น้ำส้มคั้น น้ำแอปเปิ้ล หรือน้ำแครนเบอร์รี่ เป็นต้น 4. "ก่อน" การใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆ ต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรร้านยาใกล้บ้านทุกครั้ง เนื่องจากตัวยาอาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างกัน หรือที่เรียกง่าย ๆว่า "ยาตีกัน" จนเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ หรือไม่ได้รับผลการรักษาจากยาที่ใช้ร่วมด้วยได้ หากมีข้อสงสัยเร่งด่วนเกี่ยวกับการใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นใด สามารถสอบถามได้จากแพทย์หรือเภสัชกรร้านยาใกล้บ้านได้ทันที ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ เนื่องจากอาจต้องมีการสอบถามข้อมูลที่จำเป็นอื่น ๆเพิ่มเติม หรืออาจช้าเกินไป ไม่ทันการ เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ หรือไม่ได้รับผลจากการรักษาได้ เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่
|
Game*****1