กระดานสุขภาพ
สงสัยว่าเเพ้ | |
---|---|
9 สิงหาคม 2561 11:51:48 #1 หนูสงสัยว่าเเพ้ยาคุมฉุกเฉินคะ. ปวดหัวมากๆ ปวดท้วงหน่วงๆสิวขึ้น |
|
อายุ: 22 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 40 กก. ส่วนสูง: 156ซม. ดัชนีมวลกาย : 16.44 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผลเภสัชกร |
13 สิงหาคม 2561 17:32:02 #2 เรียน คุณ Goog25541, ก่อนตอบคำถามของคุณ ขอให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินว่า ในทางการแพทย์นั้น มีข้อบ่งใช้ก็ต่อเมื่อไม่สามารถใช้การคุมกำเนิดด้วยวิธีปกติได้ เช่น เมื่อถูกข่มขืน หรือ เกิดข้อผิดพลาดจากการใช้ถุงยางอนามัยแล้วมีการแตก หรือฉีกขาด (ซึ่งปกติเกิดขึ้นได้ยากมาก ๆ เนื่องจากถุงยางอนามัยเป็นเครื่องมือแพทย์ ต้องมีการทดสอบจนแน่ใจแล้ว จึงจะสามารถนำออกจำหน่ายได้ ส่วนใหญ่มักเกิดจากการใช้งานผิดพลาด ตั้งแต่การเลือกซื้อ-ขนาดไม่ถูกต้อง เล็กหรือใหญ่เกินไป / การเก็บรักษา - เก็บไว้ในที่ร้อน ชื้น หรือถูกกดทับ / การเปิดซอง - ใช้ของมีคมเปิด (ฟัน, มีด, กรรไกร) / เวลาสวม - ไม่ได้บีบกระเปาะเก็บอสุจิ เพื่อไล่ฟองอากาศออกก่อน, ไม่ได้สวมขณะองคชาติแข็งตัวเต็มที่ / การใช้น้ำยาหล่อลื่นผิดพลาด - ไม่ได้ใช้สูตรน้ำ แต่ใช้สูตรน้ำมัน, ครีม, โลชั่น, วาสลีน ซึ่งจะทำให้ถุงยางอนามัยฉีกขาดได้ง่าย / การถอดถุงยางอนามัยออก ต้องถอดขณะที่องคชาติยังไม่อ่อนตัว ใช้กระดาษชำระพันรอบโคนองคชาติ แล้วค่อย ๆรูดออก)
วิธีการรับประทานยาที่ถูกต้อง เหมาะสม มีได้ 2 แบบ คือ 1. รับประทานยาเม็ดแรกทันที หลังจากมีเพศสัมพันธ์ แต่ต้องไม่เกิน 48 ชั่วโมง (ยิ่งทิ้งช่วงเวลานาน อัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์ ก็จะเพิ่มขึ้น) และรับประทานยาเม็ดที่สอง หลังจากรับประทานยาเม็ดแรก 12 ชั่วโมง ข้อดี - อาการไม่พึงประสงค์เกี่ยวกับการใช้ยาจะน้อยกว่าอีกวิธี และหากมีเพศสัมพันธ์ซ้ำอีกก่อนรับประทานยาเม็ดที่สอง ก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาเพิ่ม หรือใช้การคุมกำเนิดอื่นเพิ่มเติม ข้อเสีย - มักลืมรับประทานยาเม็ดที่สอง หรือรับประทานยาเร็วหรือล่าช้ากว่า 12 ชั่วโมง ทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ 2. รับประทานยาพร้อมกันสองเม็ดทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ แต่ไม่เกิน 48 ชั่วโมง ข้อดี - ระดับยาสูงขึ้นทันที ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ของยา และไม่ต้องกังวลเรื่องการลืมรับประทานยาเม็ดที่สอง ข้อเสีย - เนื่องจากระดับยาในเลือดสูงขึ้นทันที อาการไม่พึงประสงค์ด้านเวียนศีรษะ มึนงง คลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้อง ท้องอืด สูงกว่าวิธีแรก และหากจะมีเพศสัมพันธ์ซ้ำอีกหลังจากรับประทานยาไปแล้ว ให้ใช้การสวมถุงยางอนามัยแทนการรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเพิ่มอีก อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา - เวียนศีรษะ มึนศีรษะ คัดตึงเต้านม คลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด แน่นท้อง ประจำเดือนมาผิดปกติ (มาช้า หรือไม่มาตามกำหนด) หน้ามัน เป็นสิว กลับมาที่คำถามของคุณ อาการที่พบเป็นอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา ที่ไม่ใช่อาการแพ้ยานะครับ ส่วนใหญ่จะค่อย ๆดีขึ้นได้เอง แต่อาการหน้ามันเป็นสิว อาจต้องใช้เวลานานกว่า 3-4 วัน เนื่องจากตัวยาเป็นฮอร์โมนโปรเจสตินปริมาณสูง (ฮอร์โมนโปรเจสตินนี้ออกฤทธิ์คล้ายกับฮอร์โมนเพศชาย ร่างกายสร้างมาเพื่อปรับสมดุลกับฮอร์โมนเอสโตรเจน) การได้รับยาที่เป็นฮอร์โมนขนาดสูง อาจต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์ๆ ร่วมกับการดูแลรักษาความสะอาด ไม่บีบ แคะ แกะ จนเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียได้ แต่หากอาการดังกล่าวไม่ดีขึ้น หรืออาการรุนแรงมากขึ้น เช่น มีเลือดสีดำคล้ำออกจากช่องคลอด ปวดท้องมาก ตัวเหลือง ตาเหลือง ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อรักษาอย่างทันท่วงที ขอแนะนำเพิ่มเติม หากยังไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์เป็นประจำ หากไม่สะดวกในการรับประทานยาคุมกำเนิดรายเดือน วิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสม คือการสวมถุงยางอนามัย เพราะนอกจากช่วยในการคุมกำเนิดแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน (หนองในเทียม) พยาธิในช่องคลอด ไวรัสเริม ไวรัสตับอักเสบชนิด บี/ซี หรือหากโชคร้ายสุด คือไวรัสเอชไอวีที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ ที่ปัจจุบันยังไม่มียารักษาให้หายขาด และยังช่วยป้องกันไวรัสเอชพีวี (HPV - human Papillomavirus) ที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง / หูดหงอนไก่หรือมะเร็งองคชาติในเพศชายอีกด้วย หากมีข้อสงสัยเร่งด่วนเกี่ยวกับการใช้ยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆ สามารถสอบถามได้จากแพทย์ หรือเภสัชกรร้านยาใกล้บ้านได้ทันที ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ เนื่องจากอาจช้าไปไม่ทันการ หรืออาจต้องมีการสอบถามข้อมูลอื่นๆ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจแก้ปัญหาด้านยา เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล
|
Goog*****1