กระดานสุขภาพ
การกลับมาทานยาคุมกำเนิด | |
---|---|
11 กรกฎาคม 2561 13:55:30 #1 สวัสดีค่ะ ขอรบกวนขอคำปรึกษาและคำแนะนำจากคุณหมอด้วยค่ะ เรื่องการกลับมาทานยาคุมกำเนิดค่ะ คือก่อนหน้านี้ดิฉันได้หยุดทานยาคุมไป 3 เดือนค่ะ ถ้าตอนนี้ต้องการกลับมาทานยาคุมกำเนิดอีกครั้ง ควรจะเริ่มทานยาเม็ดแรกในวันแรกที่มีประจำเดือน หรือหลังมีประจำเดือนแล้วค่ะ ดิฉันทานยาคุมแบบ 28 เม็ดค่ะ ขอบคุณคุณหมอเป็นอย่างยิ่งค่ะ |
|
อายุ: 36 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 52 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.31 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผลเภสัชกร |
12 กรกฎาคม 2561 18:09:40 #2 เรียน คุณ Gj956, ก่อนตอบคำถามของคุณ ขอให้ข้อมูลว่าการออกฤทธิ์ของยาเม็ดคุมกำเนิดนั้น เป็นการออกฤทธิ์เม็ดต่อเม็ด และแผงต่อแผง เมื่อลืมรับประทานยาไปเกิน 2 วันติดต่อกัน จะทำให้โอกาสเสี่ยงในการตั้งครรภ์เท่ากับเมื่อไม่ได้รับประทานยาคุมกำเนิด การรับประทานยามากี่แผง กี่เดือน กี่ปี ก็ไม่มีผลต่อโอกาสในการคุมกำเนิดครับ กลับมาที่คำถามของคุณ หากจะกลับมารับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดใหม่ ก็ให้รับประทานยาตั้งแต่วันแรกที่มีประจำเดือน เพื่อให้ตัวยาสามารถยับยั้งไม่ให้มีไข่ตกได้ตั้งแต่รับประทานยาเม็ดแรกครบ 24 ชั่วโมง หรือหากจะรับประทานยาฯช้าสุด ต้องไม่เกินวันที่ 5 ของการมีประจำเดือน มิฉะนั้นโอกาสเสี่ยงในการตั้งครรภ์จะเพิ่มขึ้น เนื่องจากอาจไม่สามารถยับยั้งให้มีไข่ตกได้ทัน ขอแนะนำวิธีการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดรายเดือน คือ 1. ควรรับประทานยาในเวลาก่อนเข้านอนทุกคืน รับประทานยาอย่างสม่ำเสมอในช่วงเวลาเดียวกันของทุกวัน +/- ไม่ควรเกิน 1 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการลืมรับประทานยา และทำให้ระดับยาในเลือดค่อนข้างคงที่ตลอดวัน หากรับประทานยาเวลาแตกต่างกันในแต่ละวัน ทำให้ระดับยาสูงบ้างต่ำบ้าง อาจทำให้เกิดการฉีกขาด หลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก จนเกิดภาวะเลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างเดือนได้ 2. รับประทานยาอย่างต่อเนื่อง ตามที่ระบุในแผง ไม่ควรลืมรับประทานยา เนื่องจากการลืมรับประทานยาตั้งแต่ 2 วันติดต่อกัน จะเพิ่มความเสี่ยงในการตั้งครรภ์เท่ากับผู้ที่ไม่ได้รับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด 3. รับประทานยาทุกชนิดด้วยน้ำเปล่าสะอาดเท่านั้น เนื่องจากเครื่องดื่มบางชนิดจะทำให้ตัวยาตกตะกอน ร่างกายไม่สามารถดูดซึมตัวยาได้ เช่น ชา (ชาแดง ชาเขียว ชาขาว ชานม) กาแฟ โกโก้ นม (รวมถึงโยเกิร์ต) น้ำนมถั่วเหลือง โซดา น้ำอัดลม ฯ หรือน้ำผลไม้บางชนิดจะทำให้ตับที่เป็นแหล่งในการกำจัดยา สร้างเอนไซม์หรือน้ำย่อยที่ใช้เผาผลาญ กำจัดยา เพิ่มมากขึ้น ร่างกายจึงสามารถกำจัดยาได้มากหรือเร็วขึ้น เช่น น้ำเกรปฟรุต น้ำส้มคั้น น้ำแอปเปิ้ล น้ำแครนเบอร์รี่ เป็นต้น 4. "ก่อน" การใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆ ต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เนื่องจากอาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา หรือที่มักเรียกง่าย ๆว่า "ยาตีกัน" จนเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ หรือตัวยาที่ใช้ในการรักษาอาจไม่ได้ผล หากมีข้อสงสัยเร่งด่วนเกี่ยวกับการใช้ยา/ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สามารถปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรร้านยาใกล้บ้านได้ทันที ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ เนื่องจากอาจช้าไป ไม่ทันการ เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่
|
Gj95*****6