เรียน คุณ aisawan01

จากคุณสมบัติของทั้งสองวิตามิน คือ เป็น Antioxidant สารต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยลดการถูกทำลายผิวจากมลพิษภายนอก ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น วิตามินซี ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว วิตามินอี ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื่้น ไม่เหี่ยวย่นง่าย

จากข้อมูลคงตอบยากว่าจะขาวขึ้นได้หรือไม่ เพราะสีผิวขึ้นกับหลายปัจจัย ทั้งสีผิวเดิม (ขาว คล้ำ สองสี) การถูกแดดมากน้อยขนาดใด เพราะถ้าต้องทำงานกลางแจ้งคงจะขาวยาก แนะนำให้ทาผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด ทาไม่ต้องหนามาก ทาบ่อย ๆ เช้า กลางวัน เย็น เลยยิ่งดี เพราะแม้เป็นแสงไฟในอาคารก็ยังมีรังสียูวี

การรับประทานวิตามินซี ซึ่งเป็นวิตามินละลายน้ำ ขนาดที่แนะนำคือ ไม่เกินวันละ 1000 มิลลิกรัม ควรแบ่งเป็นหลาย ๆมื้อต่อวัน เนื่องจากร่างกายสามารถนำวิตามินซีไปใช้ได้อย่างจำกัด และไม่สามารถกักเก็บไว้ในร่างกายได้ เมื่อสลายตัวไป ก็จะถูกกำจัดออกทางปัสสาวะ

อาการไม่พึงประสงค์ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย หากรับประทานขนาดสูง ๆติดต่อกันนาน ๆ อาจทำให้เกิดเป็นนิ่วในทางเดินปัสสาวะได้

วิตามิน อี เป็น วิตามินที่ละลายในไขมัน ร่างกายสามารถเก็บกักไว้ใช้ได้ ขนาดที่แนะนำโดยทั่วไป 100-400 ยูนิตต่อวัน โดยรับประทานพร้อมอาหาร หากรับประทานขนาดสูงเป็นเวลานาน จะสะสมในร่างกายจนอาจเกิดอาการพิษได้ จะตรงข้ามกับที่ได้ประโยชน์ คือ จะทำให้ผมร่วง ผิวแห้ง เหี่ยวย่น หรือตับอักเสบ

ข้อแนะนำ เพื่อผิวกระจ่างใส ไม่ใช่ขาวนะครับ

• การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ผักครึ่งหนึ่ง อย่างอื่นครึ่งหนึ่ง ยังคงใช้ได้ เน้นผักผลไม้ ที่ไม่มีรสหวานจัด เพราะน้ำตาลมักทำให้ผิวเหี่ยวย่น เป็นสิวง่าย
• การออกกำลังกาย โดยเฉพาะแอโรบิค จะช่วยทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น มาเลี้ยงผิวมากขึ้น เหงื่อที่ออกจะช่วยกำจัดของเสียที่สะสมอยู่ที่ชั้นผิว
• การนอนหลับพักผ่อน ควรนอนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง จะทำให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงผิวหน้าดีขึ้น Growth Hormone จะมีการหลั่งออกมาตอนกลางคืน เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอไป
• นอกจากนี้ขอบตาไม่ดำคล้ำด้วยครับ จะได้ไม่มีใครว่าคุณเป็นหมีแพนด้า
• วิตามินเสริมได้บ้าง แต่ไม่ควรเกินขนาดที่แนะนำ

เป็นกำลังใจให้ครับ

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล