กระดานสุขภาพ
ถ้ากินยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินต้องกินยาคุมกำเนิดแบบธรรมดาตอนไหนค่ะ | |
---|---|
19 เมษายน 2561 03:30:15 #1 ต้องกินยาคุมกำเนิดแบบธรรมดาตอนไหนค่ะ กินต่อหลังจากมีประจำเดิมรึ กินต่อวันที่กินยาคุมแบบฉุกเฉินเลย ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ |
|
อายุ: 17 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 48 กก. ส่วนสูง: 163ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.07 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผลเภสัชกร |
21 เมษายน 2561 17:06:58 #2 เรียน คุณ fb4b6, ก่อนตอบคำถามของคุณ ขออนุญาตให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ในทางการแพทย์จะใช้ก็ต่อเมื่อไม่สามารถวางแผนการคุมกำเนิดได้ล่วงหน้า เช่น เมื่อถูกข่มขืน หรือ จากการใช้ถุงยางอนามัยไม่ถูกต้อง จนเกิดการฉีกขาด รั่ว ซึม ไม่แนะนำให้ใช้แทนการคุมกำเนิดแบบปกติ เนื่องจากมีอัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์ค่อนข้างสูง คือ 8-15 เปอร์เซ็นต์ (เทียบกับยาคุมกำเนิดปกติ ที่มีน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์) และมีปริมาณยาค่อนข้างสูง คือ 1,500 ไมโครกรัม (เทียบกับยาคุมกำเนิดปกติ ที่มีเพียง 50-75 เปอร์เซ็นต์) การรับประทานยาที่ถูกต้อง มีได้ 2 แบบ คือ 1. รับประทานยา 1 เม็ดทันที หลังจากมีเพศสัมพันธ์ (หรือไม่เกิน 48 ชั่วโมง) จากนั้นรับประทานยาเม็ดที่สอง หลังจากเม็ดแรก 12 ชั่วโมง ข้อดี อาการไม่พึงประสงค์ด้านเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้อง ท้องอืดน้อยกว่า และ หากมีเพศสัมพันธ์ซ้ำอีก ก่อนถึงเวลารับประทานยาเม็ดที่สอง ก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาเสริม ข้อเสีย มักลืมรับประทานยาเม็ดที่สอง หรือรับประทานยาเร็วหรือล่าช้ากว่า 12 ชั่วโมง ส่งผลให้เพิ่มอัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์ 2. รับประทานยาพร้อมกัน 2 เม็ดทันที หลังจากมีเพศสัมพันธ์ (แต่ไม่ควรเกิน 48 ชั่วโมง) ข้อดี คือ ระดับยาในเลือดสูงขึ้นทันที และไม่ต้องกังวลเรื่องการลืมรับประทานยาเม็ดที่สอง ข้อเสีย คือ เนื่องจากระดับยาสูงขึ้นเร็ว ทำให้เพิ่มอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา ด้านเวียนศีรษะ มึนงง คลื่นไส้ อาเจียน แนนท้อง และหากจะมีเพศสัมพันธ์อีก ต้องใช้วิธีการสวมถุงยางอนามัยแทน ไม่แนะนำให้รับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเพิ่มเติมอีก อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา คือ เวียนศีรษะ มึนงง คัดตึงเต้านม คลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้อง ท้องอืด ประจำเดือนมาไม่ปกติ ข้อควรระวังพิเศษ ห้ามรับประทานยาเกินกว่า 2 กล่องต่อเดือน เนื่องจากเสี่ยงต่อการเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก จนเกิดการเสียชีวิตได้ หลังจากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินประมาณ 7-10 วัน มักจะมีเลือดคล้ายประจำเดือนออกมา (เนื่องจากเกิดการฉีกขาด หลุดลอกของเยื่อบุผนังมดลูก) หลังจากนั้น 7-10 วัน ประจำเดือนจึงจะมา ดังนั้นหากต้องการจะรับประทานยาคุมกำเนิดรายเดือน ต้องรอจนกว่าประจำเดือนจะมาตามปกติก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าไม่เกิดการตั้งครรภ์ โดยที่การรับประทานยาคุมกำเนิดรายเดือน สามารถสอบถามการเลือกตัวยาที่เหมาะสม การรับประทานยาที่ถูกต้อง ข้อควรระวังได้จากเภสัชกรร้านยาใกล้บ้าน หรือหากเลยกำหนดที่ประจำเดือนจะมาเกิน 3 สัปดาห์ ควรใช้ชุดอุปกรณ์ตรวจการตั้งครรภ์ เพื่อยืนยันว่าไม่มีการตั้งครรภ์ จากข้อมูลส่วนบุคคล หากยังไม่ได้แต่งงาน การสวมถุงยางอนามัยอาจเหมาะสมมากกว่านะครับ เพราะนอกจากช่วยการคุมกำเนิดแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน พยาธิในช่องคลอด เริม ไวรัสตับอักเสบ ชนิด บี/ซี หรือหากโชคร้ายสุด คือไวรัส เอชไอวี ที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ที่ปัจจุบัน ยังไม่มียารักษาให้หายขาด นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไวรัสเอชพีวี (HPV - human Papillomavirus) ที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง หรือ หูดหงอนไก่ / มะเร็งองคชาติในเพศชายอีกด้วย หรือหากต้องมีเพศสัมพันธ์เป็นประจำ อาจปรึกษาสถานพยาบาลของรัฐ เพื่อรับบริการฝังยาคุมกำเนิด ซึ่งให้บริการไม่เสียค่าใช้จ่าย สำหรับสตรีที่อายุน้อยกว่า 20 ปี กรณีมีข้อสงสัยเร่งด่วนเกี่ยวกับการใช้ยา สามารถสอบถามได้จากแพทย์หรือเภสัชกรร้านยาใกล้บ้านได้ทันที "ก่อน" การใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆ ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ เนื่องจากอาจช้าไป ไม่ทันการ เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อสุขภาพจนถึงแก่ชีวิตได้
|
Anonymous |
23 เมษายน 2561 19:16:41 #3
มีประจำเดือนหลังกินยาคุมฉุกเฉินวันที่ 6 ค่ะ เริ่มกินยาคุมแบบปกติได้เลยใช่ไหมค่ะ
|
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผลเภสัชกร |
24 เมษายน 2561 17:32:19 #4 เรียน คุณ fb4b6,
เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล |
Anonymous