เรียน คุณ goblin,

เนื่องจากคุณไม่ได้ให้ข้อมูลมาว่าขนาดยาที่ใช้รับประทานนั้น วันละกี่ครั้ง และติดต่อกันเป็นเวลากี่วัน อาการที่เกิดขึ้น หลังจากรับประทานยาปฏิชีวนะนี้มาแล้วกี่วัน
ขออนุญาตให้ข้อมูลเท่าที่มีข้อมูลนะครับ

ตัวยาดอกซี่ไซคลิน เป็นยาปฏิชีวนะที่สามารถออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อในวงกว้าง (หมายถึงฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้หลายชนิด) โดยกลไกร่างกายจะมีเชื้อประจำถิ่น (Normal Flora) เพื่อคอยป้องกันไม่ให้มีเชื้อแปลกปลอมมาทำให้เกิดโรคได้ แต่เมื่อยาปฏิชีวนะออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อประจำถิ่นไป ก็จะทำให้เชื้ออื่น ๆสามารถเติบโตขึ้นได้ จึงเป็นสาเหตุของการเกิดโรคได้

ในกรณีนี้ ในช่องคลอดจะมีสมดุลของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา เมื่อเชื้อแบคทีเรียถูกกำจัดไป จึงทำให้เชื้อราสามารถเจริญเติบโตขึ้นได้ เป็นสาเหตุของอาการตกขาวได้

ส่วนใหญ่มักเป็นหลังจากรับประทานยาต้านแบคทีเรียไประยะหนึ่ง

การป้องกันแก้ไขเบื้องต้น หากอาการไม่รุนแรงมาก ให้ใช้การทำความสะอาดปกติ ไม่ต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อสวนล้างช่องคลอดแต่อย่างใด มิเช่นนั้น เชื้อราจะยิ่งเติบโตขึ้นได้ดี ใช้เพียงน้ำสบู่อ่อน ๆล้างทำความสะอาดเฉพาะภายนอกก็เพียงพอ และสามารถรับประทานนมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ตที่มีเชื้อเป็น (ไม่ใช่ชนิดใส่กล่อง UHT ที่เป็นเพียงการผสมน้ำผลไม้ ไม่มีเชื้อจุลินทรีย์ที่ดี) เพิ่มเติมวันละ 2 - 3 กล่อง/ถ้วย เพื่อปรับสมดุลเชื้อภายในร่างกาย

หากปฏิบัติดังนี้ไปแล้ว 3-4 วัน อาการยังคงไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรงขึ้น มีอาการคันมาก ตกขาวเปลี่ยนเป็นเหมือนนมบูดหรือสีเปลี่ยน แนะนำให้พบสูติ-นรีแพทย์ เพื่อรักษาให้ตรงสาเหตุต่อไป แนะนำเพิ่มเติม หากมีข้อสงสัยเร่งด่วนเกี่ยวกับการใช้ยา สามารถสอบถามได้จากแพทย์หรือเภสัชกรร้านยาใกล้บ้าน "ก่อน" การใช้ยาใด ๆ ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ เนื่องจากอาจช้า ไม่ทันการ เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์หรือเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

ตกขาว (Leucorrhea)

นายแพทย์ ธีรยุทธ เต็มธนะกิจไพศาล
สูตินรีแพทย์

เชื้อราในช่องคลอด (Vaginal candidiasis)

นพ.วิชัย ชวาลไพบูลย์
สูตินรีแพทย์

ดอกซีไซคลิน (Doxycycline)
เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร