กระดานสุขภาพ

แพ้ยา แสบร้อนที่อวัยวะเพศชาย
Love*****y

20 กุมภาพันธ์ 2556 08:41:47 #1

สวัสดีครับคุณหมอ รบกวนขอปรึกษาเกี่ยวกับอาการแพ้ยาหน่อยครับ

พอดีผมมีประวัติการแพ้ยา Sulfa พอทานแล้ว จะรู้สึกคันยิบๆที่บริเวณอวัยวะเพศครับ พอผ่านไปสักพักก็จะเริ่มมีอาการบวมแดง ต้องใช้เวลานานเป็นสัปดาห์เลยครับกว่าจะหายเป็นปกติ

และเมื่อไม่นานมานี้ ผมได้ทานยาที่ชื่อว่า เอ็นโดทาลีน ซึ่งมีคุณสมบัติในการรักษาอาการท้องเสียครับ แต่ปรากฎว่า ผมแพ้ยาอีกแล้ว ซึ่งอาการแพ้ยาเหมือนกับตอนที่ผมทานยา Sulfa เลย ไม่ทราบว่าผมแพ้สารตัวไหนหรอครับ สำหรับสารประกอบของยาเอ็นโดทาลีน ประกอบด้วย Iodochlor hydroxyquinoline 250 mg และ Phthalylsulphathiazole 500 mg ครับ

ยังไงผมขอรบกวนคุณหมอด้วยนะครับ ถ้ามียาตัวไหนที่คนแพ้ยาจำพวกนี้ ทานแล้ว จะเกิดอาการแพ้แบบนี้อีก รบกวนคุณหมอช่วยแนะนำด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆเลยครับ :)

อายุ: 24 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 58 กก. ส่วนสูง: 173ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.38 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

21 กุมภาพันธ์ 2556 08:46:03 #2

เรียน คุณlovelyboy,

จากอาการที่คุณเล่ามา สันนิษฐานว่าจะเป็นอาการแพ้ยามากกว่าอาการระคายเคืองจากยา ส่วนที่คุณรู้สึกคันยิบ ๆ
เนื่องจากยาตัวนี้จะถูกขับออกทางปัสสาวะ เมื่อผ่านอวัยวะใด ก็จะกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคือง อาการแพ้ยากลุ่มซัลฟานี้ จะเป็นอาการที่เกิดขึ้นช้า ๆ และเมื่อได้รับบ่อย ๆก็จะเริ่มเกิดเร็วขึ้น และรุนแรงขึ้น

ดูจากอาการแล้ว คุณต้องระวังการใช้ยาที่มีส่วนผสมของยากลุ่มซัลฟา ทั้งชนิดรับประทานหรือยาทาภายนอก
เนื่องจากมีโอกาสแพ้ทางผิวหนังสูง

ส่วนใหญ่ยากลุ่มซัลฟานี้จะสังเกตได้ง่าย ๆนะครับ ว่ามีคำว่า ซัลฟา หรือ Sulfa หรือ Sulpha ร่วมด้วย จากตัวยาที่คุณแจ้งมาก็จะมีตัวยาตัวหลัง ที่ชื่อ Phthalylsulphathiazole หรือเมื่อจำเป็นต้องรับการรักษาหรือรับบริการจากร้านขายยา ให้คุณแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรด้วยทุกครั้ง เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงยาที่มีส่วนผสมของ "ซัลฟา" นี้

ขอเสริมเรื่องการลดความรุนแรงของการเกิดอาการแพ้ยาครับ ถ้าเมื่อใดเกิดสงสัยว่าเกิดอาการแพ้ยา ให้หยุดยาทันทีแล้วรีบโทรศัพท์ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร หรือหากใกล้ร้านยา ก็แวะไปพร้อมกับนำยาไปให้เภสัชกรพิจารณาว่าจะเกิดจากยาตัวใด

ส่วนที่เคยแจ้งไปก่อนหน้านี้ คือยากลุ่มซัลฟานี้ จะถูกกำจัดออกทางปัสสาวะ ดังนั้นการดื่มน้ำสะอาดมาก ๆก็จะช่วยลดปริมาณตัวยา ที่ทำให้เกิดการแพ้ได้เร็วขึ้น ลดความรุนแรงของการเกิดอาการแพ้ยาได้

สรุปเพื่อความปลอดภัยจากการใช้ยาของคุณ

  1. เมื่อต้องรับบริการการรักษาจากแพทย์หรือเภสัชกร แจ้งชื่อยาที่คุณแพ้ รวมถึงอาการที่เกิดขึ้นด้วย
  2. ขอให้เภสัชกร ช่วยจดชื่อยาที่คุณเคยแพ้ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมถึงอาการ หากจำเป็นต้องไปโรงพยาบาลครั้งต่อไป ให้ขอบัตรเตือนเรื่องการแพ้ยา โดยเภสัชกรจะสอบถามชื่อยา อาการ วันเวลาที่เกิดอาการ เพื่อให้คุณพกติดตัวไว้ใช้ยื่นให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ ประโยชน์อีกอย่างคือ ถ้าคุณเกิดอุบัติเหตุ ไม่สามารถแจ้งชื่อยาที่แพ้ได้ ก็ยังมีบัตรเตือนนี้ไว้เป็นข้อมูลให้แพทย์วางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้องต่อไป
  3. จดจำชื่อยาทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ รวมถึงอาการที่เกิด
  4. เมื่อเกิดอาการแพ้ยา ให้หยุดยาทันที และนำยาทั้งหมดที่รับประทานอยู่ไปพบแพทย์ เพื่อบรรเทาอาการก่อน และให้เภสัชกรตรวจสอบว่าเกิดจากการแพ้ยาตัวใด รวมถึงอาหารด้วยนะครับ เนื่องจากยาบ้านเราหาซื้อได้ง่ายและค่อนข้างถูก มีการนำยาคนไปใช้รักษาสัตว์ด้วย หากเขาไม่ได้เว้นช่วง ให้นานพอที่ยาจะถูกกำจัดจากเนื้อสัตว์ ก็จะกระตุ้นให้เราเกิดการแพ้ยาได้ด้วย

ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ หากไม่ดีขึ้นหรือเริ่มมีอาการรุนแรงขึ้นให้รีบไปพบแพทย์ เช่น มีเลือดปนมาในปัสสาวะ ปัสสาวะขุ่น หรือมีไข้ร่วมด้วย

 

เป็นกำลังใจให้นะครับ
เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

Love*****y

21 กุมภาพันธ์ 2556 09:31:55 #3

ตอนนี้อาการดีขึ้น เกือบเป็นปกติแล้วครับ

ตอนแรกลืมสังเกตชื่อ Phthalylsulphathiazole ว่ามี Sulpha อยู่ในชื่อด้วย

ขอบคุณมากเลยครับ วันหลังผมจะได้ระมัดระวังการใช้ยามากขึ้น

และขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ ด้วยครับ

 

Zaka*****0

2 มกราคม 2557 20:36:10 #4

ผมแพ้ยาซัลฟาเหมือนกันคัฟ และ เหมือนจะเป็นโรคผิวหนังร่วมด้วยหลังจากทานซัลฟา(เพื่อช่วยในการรักษาสิวอักเสบ)3 อาทินย์ ก็มีอาการผื่นแดง เป็นปื้น เริ่มจากที่ใต้แขน ลามไปถึง ขาภายใน 3-5 วันอเป็นทั่วตัวทุกจุดยกเว้น ใต้ร่มผ้าคัฟ น่าเกลียดที่สุดเท่าที่ในชีวิตนี้จะเป็นมาเลย ไปหาหมอก็ไม่หายคัฟ ผมทำงานเกี่ยวกับผิวพรรณและสกินแคร์ด้วยแถบจะไม่ได้ทำงานเลยคัฟ หยุดมา 3 เดือนแล้ว ผมอายเพื่อนมาก ผมเป็นอะไรคัฟ ยังกะคนเป็นเอดส์ ผิวเหมอืนยุงกัดทั้งตัว และมี ขุยๆ คัน มากๆช่วงก่อนนอน ผมกินยาแก้แะ้เยอะมาก ทั้งทา แล้วก็เหมือนจะดีแต่ ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย ผมควรทำไงดีคัฟ (มีอาการแสบนิดๆตรงบริเวณอวัยวะด้วยคัฟ)