แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ ก่อนเริ่มต้นรับประทานยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆนะครับ เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ต้องใช้ในการพิจารณา ทั้งการตรวจร่างกาย โรคประจำตัว ยาที่ใช้ร่วมกัน ภาวะการทำงานของตับหรือไต ประวัติครอบครัว ประวัติทางสังคม (ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ใช้สารเสพติด ฯ) ประวัติแพ้ยาหรืออาหาร เป็นต้น หากคุณสามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ ไม่ได้เป็นผู้ป่วยนอนติดเตียง ต้องใช้อาหารทางสายยาง การได้รับสารอาหารจากธรรมชาติจะดีที่สุดครับ โดยควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผักสด ผลไม้ที่มีรสไม่หวานจัด ปรับสัดส่วนอาหารตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้ประชาสัมพันธ์ "ผักครึ่งนึง อย่างอื่นครึ่งนึง" โดยอีกครึี่งที่เหลือของจาน ให้แบ่งครึ่ง (25% ของจาน) เป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย ไขมันต่ำ เช่นเนื้อปลา หรือเนื้อไก่ (ไม่เอาหนัง) อีก 25% เป็นคาร์โบไฮเดรต (ประเภทแป้ง)

- เลือกเป็นแป้งที่ไม่ผ่านการขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ หรือขนมปังโฮลวีต เนื่องจากจะมีกากใย ช่วยให้อิ่มท้องนาน มีวิตามินมากกว่าข้าวขาว

- เลือกวิธีการปรุงอาหาร เป็นการนึ่งหรือต้ม มากกว่าการปิ้งย่างหรือทอด ที่จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเกิดมะเร็งหรือไขมันในเลือดสูง

- แบ่งอาหารให้เป็นหลายมื้อย่อย ๆแทน การรับประทานมื้อใหญ่ ๆครั้งเดียว (กินจนอิ่ม หรือจุก) หลีกเลี่ยงการรับประทานแบบบุฟเฟต์ ซึ่งมักทำให้กินจนอิ่มมากเกินพอดี (กินให้คุ้ม) "หนัก (มื้อ) เช้า - เบา (มื้อ)เที่ยง - เลี่ยง (มื้อ) เย็น - เว้น (มื้อ) ดึก " ซึ่งนอกจากจะช่วยลดอาการแน่นท้องกลางดึก หรือลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกรดไหลย้อนได้อีกด้วย

- หากเกิดอาการโหย ให้รับประทานผักหรือผลไม้ เช่นแครอทนึ่งหรือต้ม ข้าวโพดต้ม (ไม่โรยมะพร้าวหรือน้ำตาลงา) หรือก้านคึ่นช่าย หลีกเลี่ยงการจิ้มเครื่องปรุง (พริกกับเกลือ, น้ำปลาหวาน) ซึ่งเป็นสาเหตุของน้ำตาลเกิน (เสี่ยงต่อเบาหวาน) หรือมีเกลือโซเดียม ทั้งจากเกลือปรุงอาหารหรือผงชูรส (โซเดียมทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคความดันโลหิตสูง บวมน้ำหรือไตวาย)

- ดื่มน้ำสะอาดให้ได้อย่างน้อย 2 ลิตร โดยแบ่งการดื่มทั้งวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำสม่ำเสมอ ลดอาการหิวระหว่างมื้ออาหาร ยังช่วยเกี่ยวกับระบบขับถ่ายอีกด้วย

- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อลดการเกิดภาวะเครียด

- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ โดยหากไม่มีข้อห้ามใด ๆ ควรออกกำลังกายให้รู้สึกเหนื่อยจนหอบ และให้มีเหงื่อออกมาก ๆ (เพื่อเร่งการกำจัดของเสียออกทางผิวหนัง)

ให้ลองปฏิบัติตามหลักสุขลักษณะไปก่อนอย่างน้อย 3 เดือน หากผลยังไม่เป็นที่น่าพอใจ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ ก่อนเริ่มต้นใช้วิตามินหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด เนื่องจากหากได้รับสารอาหารเกิน ก็อาจทำให้เกิดอาการพิษต่อร่างกายได้

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

สุขอนามัยพื้นฐาน สุขบัญญัติแห่งชาติ (Ten National Healthy Articles)
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
วว.รังสีรักษา และเวชศาสตร์นิวเคลียร์

วิตามิน (Vitamin)
เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร