กระดานสุขภาพ
ยายูนีซันและยาเหน็บกลีเซอรีน | |
---|---|
5 มกราคม 2556 14:49:11 #1 1.อยากทราบว่าการใช้ยายูนีซันและยาเหน็บกลีเซอรีนต่างกันอย่าไรค่ะ(ทานตามสุขบัญญัติ10ประการ)และเน้นผักผลไม้ยังท้องผูกเช่น4วันถ่ายทีค่ะ 2.ขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการใช้ยา2ตัวนี้หน่อยค่ะ 3.อยากทราบว่านมบางชนิดสามารถทำให้ท้องผูกจริงหรือไม่ค่ะ 4.อยากทราบอาการริดสีดวงทวารและอาการท้องผูกเหมือนกันหรือไม่ค่ะพอดีเวลาถ่ายเลือดชอบออกแต่อุจจาระไม่แข็งค่ะ *ขอบคุณค่ะ* |
|
อายุ: 21 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 43 กก. ส่วนสูง: 157ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.44 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
Haamor Admin(Admin) |
6 มกราคม 2556 05:07:33 #2 เรียน คุณ nonoon54897 ทางทีมงานขอชี้แจงเรื่องคำถามค่ะ เนื่องจาก คุณ nonoon54897 ได้ตั้งคำถามหลายข้อที่มีประเด็นแตกต่างกัน ซึ่งคำถามแต่ละข้อจะมีคุณหมอทั้งหมด 2 ท่านมาให้คำตอบ ดังนั้นคุณสามารถติดตามคำตอบได้จากกระทู้นี้เท่านั้นนะค่ะ |
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ พญ. พวงทอง ไกรพิบูลย์(วว.รังสีรักษา และเวชศาสตร์นิวเคลียร์) |
6 มกราคม 2556 05:09:00 #3 ตอบข้อ 3,4 3. จริงคะ ทั้งนี้นอกจากขึ้นกับชนิดของนมที่อาจมีบางส่วนผสมที่แตกต่างกัน ยังขึ้นกับการตอบสนองของร่างกายของแต่ละคนด้วย ดังนั้นแต่ละคน จึงต้องสังเกตเองว่า กินอะไร ปริมาณมากน้อยแค่ไหน แล้วส่งผลให้เกิดอาการอย่างไร แล้วปรับตัวไปตามนั้น 4. ริดสีดวงทวาร และท้องผูก เป็นคนละโรคกัน แต่ท้องผูก เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิด ริดสีดวงทวารได้ และริดสีดวงทวาร ก็อาจเป็นสาเหตุให้ท้องผูกได้ เพราะถ้าอักเสบและก่อให้เกิดอาการเจ็บเวลาอุจจาระ ผู้ป่วยก็อาจกลั้นอุจจาระ จึงเกิดท้องผูกได้ แนะนำคุณอ่าน บทความเรื่อง ริดสีดวงทวาร และเรื่อง ท้องผูก จาก เว็บhaamor.com ของเรา จะได้ช่วยให้คุณเข้าใจทั้ง 2 เรื่อง/โรคเพิ่มขึ้นคะ อย่างไรก็ตาม ตามที่คุณเล่ามา ถ้าคุณถ่ายอุจจาระเป็นเลือดบ่อย ควรพบแพทย์ เป็นศัลยแพทย์ทั่วไป เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุ เพื่อการรักษาที่เหมาะสมคะ
พญ. พวงทอง ไกรพิบูลย์ |
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผลเภสัชกร |
6 มกราคม 2556 16:12:14 #4 ตอบข้อ 1,2 เรียน คุณ nonoon54897 ขออนุญาตสอบถามเพิ่มเติมที่ว่า 4 วันถ่ายครั้ง
ส่วนเรื่องสาเหตุของอาการท้องผูก แนะนำให้อ่านเพิ่มเติมจากบทความของอาจารย์พวงทอง นะครับ ขอให้ข้อมูลรวม ๆของยาระบายที่มีจำหน่ายนะครับ ยาระบาย (laxative) เป็นยาที่ใช้เพื่อกำจัดกากอาหาร (defecation) หรืออุจจาระ (feces) ออกจากร่างกาย ส่วนใหญ่จะใช้รักษาโรคท้องผูก (constipation) โดยการกระตุ้น หล่อลื่น และสร้างปริมาณอุจจาระ คุณสมบัติที่ดีของยาระบาย
ยาระบายแบ่งเป็นประเภทต่างๆดังนี้ 1. เพิ่มปริมาณอุจจาระ (Bulk-forming agents)
2. ยาประเภททำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม (Stool softeners / Surfactants) 3. ยาประเภทหล่อลื่น (Lubricants / Emollient) 4. ยาประเภทเพิ่มปริมาตรน้ำ (Hydrating agents (osmotics)) 5. ไฮเปอร์ออสโมติก เอเจนต์ (Hyperosmotic agents) 6. ประเภทกระตุ้น (Stimulant / Irritant) หลักการเลือกใช้ยา
สรุป ยาระบายมีทั้งหมด 6 กลุ่ม การพิจารณาเลือกใช้ยานั้น ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สภาพร่างกายของผู้ป่วย ภาวะโรคที่ผู้ป่วยเป็นอยู่ หรือความรุนแรงของอาการท้องผูก ในผู้ป่วยที่จะมีการทำหัตถการหรือถ่ายภาพรังสีของระบบทางเดินอา หาร แนะนำให้ใช้ยาระบายในกลุ่มไฮเปอร์ออสโมติก เอเจนต์ อาจใช้ยาในรูปแบบยารับประทาน หรือยาเหน็บทวารหนักก็ได้ ในผู้ป่วยเด็ก แนะนำให้ใช้ยาที่เพิ่มปริมาณอุจจาระ หากมีอาการต่อเนื่องยาวนาน อาจพิจารณายาในกลุ่มที่ทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ไม่แนะนำให้ใช้ยาในกลุ่มที่มีผลรบกวนสมดุล อิเล็กโทรไลต์ในร่างกาย เช่น ยาในกลุ่มที่เพิ่มปริมาตรน้ำในทางเดินอาหารและยาในกลุ่มไฮเปอร์ ออสโมติก เอเจนต์ ส่วนคำแนะนำวิธีใช้โดยทั่วไป คือ ใช้เมืื่อจำเป็นเท่านั้น หากรู้สึกว่าท้องผูก "ผิดปกติ" หากปกติของคุณคือ 4 วัน ครั้ง ถ้ากลายเป็น 7-10 วัน ต่อครั้ง นั้่นคือ ผิดปกติเพราะคงไม่สามารถบังคับให้ทุกคนถ่ายทุึกวันได้ ยกเว้นจะต้องใช้ยาซึ่งไม่ใช่วิถึธรรมชาติ 1. Glycerin ชนิดเหน็บทวารหนัก ที่ดีควรเก็บยาในตู้เย็น เพื่อให้คงรูปทรงเป็นแท่ง ใช้งานได้ง่าย
2. ยาสวนทวารหนัก U-Enema 100 ML
เป็นกำลังใจให้นะครับ |
Nono*****7