ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ ในการรักษาครบคอร์สการรักษาแล้ว

การรับประทานยา Tamoxifen ที่เป็นยาประเภทฮอร์โมน ออกฤทธิ์ต้านกับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่จะมากระตุ้นที่เต้านม จนเสี่ยงกับการกลับมาเป็นซ้ำได้อีก

- ควรรับประทานยาในเวลาใกล้เคียงกับทุกวัน เพื่อให้ระดับยาในเลือดค่อนข้างคงที่ โดยควรรับประทานยาพร้อมหรือหลังอาหาร เพื่อให้การดูดซึมยาดีขึ้น

- รับประทานยา "ทุกชนิด" ด้วยน้ำเปล่าสะอาดเท่านั้น เนื่องจากเครื่องดื่มบางชนิดจะทำให้ตัวยาตกตะกอน ร่างกายไม่สามารถดูดซึมยาได้ เช่น ชา ชาเขึยว กาแฟ นม น้ำเต้าหู้ โยเกิร์ต โกโก้ โซดาหรือน้ำอัดลม หรือน้ำผลไม้บางชนิดจะกระตุ้นให้ตับที่เป็นแหล่งในการกำจัดหรือเผาผลาญยา สร้างเอนไซม์หรือน้ำย่อยเพิ่มมากขึ้น จึงกำจัดยาได้มากและเร็วขึ้น เช่น น้ำส้มคั้น น้ำเกรปฟรุต (จำพวกส้มโอ) น้ำแอปเปิ้ล น้ำแครนเบอร์รี่

- ไม่ซื้อยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆมาใช้ร่วมกัน โดยที่ไม่ได้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เนื่องจากอาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างกัน หรือที่เรียกง่าย ๆว่า "ยาตีกัน" จนอาจทำให้ยาไม่สามารถออกฤทธิ์ในการรักษา หรือเสริมฤทธิ์จนเกิดเป็นอันตรายต่อสุขภาพ จนถึงกับเสียชีวิตได้

กลับมาที่คำถามของคุณ เนื่องจากตัวยาเป็นตัวยาต้านฤทธิ์กับฮอร์โมนเอสโตรเจน อาจทำให้รอบประจำเดือนผิดปกติได้ โดยหากยังเป็นผู้ที่ยังมีประจำเดือนก็อาจจะมาน้อย หรือมาช้ากว่าเดิม

แต่หากเป็นวัยหมดประจำเดือนไปแล้ว ก็อาจทำให้เยื่อบุผนังมดลูกบางลง จนเกิดภาวะเลือดออกกะปริบกะปรอย หรือมีอาการคล้ายวัยก่อนหมดประจำเดือนได้ คือ จะมาปริมาณไม่มากและหมดช้ากว่าเดิม เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนจะมีฤทธิ์กระตุ้นให้มดลูกมีการบีบตัวเพิ่มขึ้น (สาเหตุของการปวดประจำเดือน) ยานี้ต้านฤทธิ์เอสโตรเจน จึงบีบตัวได้น้อยลง เลือดก็อาจหยุดไหลได้ช้าลงบ้าง

ทั้งนี้ หากปริมาณไม่มาก ไม่มีสีดำคล้ำผิดปกติ ไม่มีอาการปวดท้องน้อย หรือปวดมากขึ้น ก็ไม่ต้องตกใจนะครับ อาการต่าง ๆจะค่อย ๆดีขึ้นได้เอง เมื่อร่างกายปรับตัวให้เข้ากับยาได้แล้ว

เป็นกำลังใจให้นะครับ

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

ทาม็อกซิเฟน (Tamoxifen)
ภญ. หนึ่งฤทัย ใจวงศ์เพ็ญ
เภสัชกร

คุยกับหมอรักษาโรคมะเร็ง ตอน: ผลข้างเคียงของยาต้านฮอร์โมนรักษามะเร็ง ทามอกซิเฟน (Tamoxifen)
โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์