เรียน คุณ Arhttitaya,

ขอแยกตอบเป็น 2 ประเด็นนะครับ

1. จากข้อมูล คุณไม่ได้ให้ชื่อยามาด้วย คงตอบได้ค่อนข้างยาก แต่ถ้าเป็นยากลุ่มเพนิซิลลิน ก็อาจส่งผลต่อการดูดซึมตัวยาคุมกำเนิดได้ ดังนั้นระหว่างรับประทานยาปฏิชีวนะและหลังจากหยุดรับประทานยา 7 วัน หากจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์ ควรใช้การสวมถุงยางอนามัยร่วมด้วย เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการคุมกำเนิด ไม่ทราบว่าได้แจ้งเภสัชกรว่ากำลังรับประทานยาคุมกำเนิด (รวมถึงยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆ) ร่วมด้วยหรือไม่ เนื่องจากอาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา ที่เรียกง่าย ๆว่า "ยาตีกัน" จนอาจเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ หรือเสี่ยงต่อการพิการหรือเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เพื่อจะได้จัดยาที่เหมาะสมหรือแนะนำเพิ่มเติมในการป้องกันการตั้งครรภ์ ซึ่งระหว่างตาบวมอักเสบติดเชื้อแบคทีเรีย ควรระวังการสัมผัสซึ่งอาจเป็นสื่อในการแพร่เชื้อโรคได้ ดังนั้นควรงดการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่่มีการติดเชื้อแบคทีเรียดังกล่าว เพื่อป้องกันการติดเชื้อกลับไปมาระหว่างคุณกับแฟน หรือ คู่นอน

2. จากข้อมูลช่วงอายุของคุณ หากยังไม่ได้แต่งงาน แนะนำให้ใช้วิธีการสวมถุงยางอนามัยจะปลอดภัยกว่านะครับ เพราะจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์และยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน พยาธิในช่องคลอด ไวรัสเริม ตับอักเสบชนิดบี/ซี หรือโชคร้ายสุดคือ เอชไอวีที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเอดส์ ที่ปัจจุบันยังไม่มียารักษาให้หายขาด

นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไวรัสเอชพีวี (HPV- human Papilloma virus) ที่เป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง หรือ หูดหงอนไก่/มะเร็งองคชาติในเพศชาย ได้อีกด้วย

ช่วงนี้โฟกัสเรื่องเรียนก่อนจะดีกว่านะครับ หากจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์แนะนำให้ใช้การสวมถุงยางอนามัยที่ถูกต้อง ถูกขนาด เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ หรือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และคุณไม่จำเป็นต้องได้รับยาคุมกำเนิดติดต่อกันนานโดยไม่มีความจำเป็น หากแฟนคุณไม่ยอม บอกว่าไม่ชอบถุงยางอนามัย ก็แสดงว่าเขาไม่ได้รักคุณจริง ไม่ยอมเสียสละเพื่อทั้ง 2 ฝ่าย ดังนั้นคุณควรจะรักตัวเองจะดีกว่าครับ

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่ ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill) แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา สูตินรีแพทย์

ยาลดประสิทธิภาพยาคุมกำเนิด (Common medications that reduce efficacy of birth control medications) ภก. กรชัย ฉันทจิรธรรม เภสัชกร