เรียน คุณ 8e6b4,

จากข้อมูลของบริษัทยา ไม่แนะนำให้รับประทานยาเกินกว่า 2 กล่องต่อเดือน เนื่องจากกลไกการออกฤทธิ์ของยาในการทำให้ท่อนำไข่บีบตัวช้าลง เพื่อลดโอกาสที่ไข่จะเดินทางมาพบกับตัวอสุจิ ลดโอกาสในการเกิดการผสมพันธ์ุกัน และปฏิสนธิ หากรับประทานยามากเกินกว่าที่แนะนำ จะทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากการตกเลือดภายในช่องท้อง สาเหตุจากการที่ตัวอ่อน(หากมีการผสมกันของไข่กับอสุจิ) และฝังตัวในท่อนำไข่

ส่วนคำถามที่ 2 หากรับประทานยาช้าเกินกว่าที่บริษัทแนะนำ ก็จะเพิ่มความเสี่ยงในการตั้งครรภ์จากการรับประทานยาถูกต้อง คือ จาก ปกติ 8-15 เปอร์เซ็นต์ เป็นมากเกินกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ได้

ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินแทนการคุมกำเนิดแบบทั่วไป เนื่องจากในยาคุมกำเนิดปกติ จะมีอัตราการตั้งครรภ์น้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ หากรับประทานยาได้อย่างถูกต้อง สม่ำเสมอ

ทางการแพทย์จะใช้ต่อเมื่อไม่สามารถใช้วิธีการคุมกำเนิดปกติ ได้ เช่นเมื่อถูกข่มขืน หรือ ถุงยางอนามัยฉีกขาด จากการใช้งานไม่ถูกต้อง

หากคุณจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์ แนะนำให้รับประทานยาคุมกำเนิดปกติ โดยคุณสามารถปรึกษาเภสัชกรร้านยาใกล้บ้าน เพื่อคัดเลือกยาคุมฯที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายและรูปแบบการมีประจำเดือนของคุณ แต่จากข้อมูลส่วนบุคคล หากคุณยังไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์บ่อย ๆ แนะนำให้ใช้การสวมถุงยางอนามัยจะเหมาะสมมากกว่านะครับ เนื่องจากช่วยคุมกำเนิดแล้วยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน พยาธิในช่องคลอด ไวรัสเริม ไวรัสตับอักเสบบี/ซี หรือโชคร้ายสุด คือเอชไอวีที่ทำให้เกิดโรคเอดส์ที่ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาให้หายขาด นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไวรัสเอชพีวีที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง และหูดหงอนไก่/มะเร็งองคชาติในเพศชาย ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ไขนะครับ

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่ ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill) แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา สูตินรีแพทย์