ถึง คุณ 44990

เนื่องจากเว็บไซต์เป็นที่สาธารณะ ดังนั้นเพื่อให้ข้อมูลเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากที่สุด ทางทีมงานจึงทำการซ่อนชื่อจริงของผู้ถามให้นะคะ โดยคุณ 44990 ยังสามารถติดตามคำตอบคุณหมอได้ที่กระทู้นี้ค่ะ

และหากครั้งต่อไปคุณ 44990 ต้องการปกปิดชื่อตนเอง สามารถเลือก "ไม่แสดงภาพและชื่อของผู้โพส" ทางด้านขวาเวลาตั้งกระทู้คำถามใหม่ค่ะ

เรียน คุณ 44990

ขอแยกตอบเป็นสองประเด็นครับ

1. หลังจากฉีดยาคุมกำเนิดประเภททุกเดือน ซึ่งเป็นตัวยาฮอร์โมน 2ชนิดเหมือนกับในยาคุมกำเนิดปกติ เพียงแต่สะดวกไม่ต้องรับประทานยาทุกวัน. ตัวยาค่อยๆปลดปล่อยออกมาสม่ำเสมอตลอดทั้งเดือน โดยข้อปฏิบัติเหมือนกับยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน คือควรฉีดภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการตกไข่แน่นอน ดังนั้นคุณสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่นร่วมด้วย ยกเว้นต้องการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ก็ควรใช้วิธีการสวมถุงยางอนามัยร่วมด้วย เช่นคุณมีภาวะมดลูกอักเสบติดเชื้อ มีเชื้อพยาธิในช่องคลอด เป็นต้น

2. ยาฉีดคุมกำเนิดชนิดรายเดือน. สามารถออกฤทธิ์ยับยั้งไม่ให้มีไข่ตกได้ 28-35 วัน ดังนั้น หากคุณลืมแต่ยังอยู่ในช่วงที่ตัวยายังคงออกฤทธิ์ได้ ก็สามารถติดต่อแพทย์เพื่อทำการฉีดยาคุมต่อเนื่องได้ แต่ทางที่ดีที่สุดคือไม่ควรลืม. แนะนำให้ตั้งเวลาไว้ในโทรศัพท์มือถือหรือวงวันที่เตือนไว้ในปฏิทิน โดยควรเตือนก่อนล่วงหน้า 2-3 วัน เพื่อไม่ให้เกินเวลาที่เหมาะสมต่อไป

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดีๆจากกองบรรณาธิการของเราที่
http://haamor.com/th/ยาฉีดคุมกำเนิด/

คุณหมอค่ะ แล้วถ้าเป็นแบบนี้ก็แสดงว่าหนูจะไม่ท้องแน่นอนใช่มั้ยค่ะ เพราะหนูพึ่งมีเพศสัมพันธ์ไปกับแฟนเมื่อวันที่ 29 มค 58 อ่ะค่ะ 

เรียน คุณ 44990

เนื่องจากคุณแจ้งว่าไปฉีดยาเมื่อประจำเดือนหมดแล้ว ดังนั้นหากคุณไปฉีดยาคุมกำเนิดภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ตัวยาก็จะมีประสิทธิภาพยับยั้งไม่ให้มีไข่ตกได้อย่างเต็มที่ครับ โดยออกฤทธิ์ได้เต็มที่หลังจากฉีดยาไป 8-24 ชั่่วโมงครับ ซึ่งวันที่ 29 ม.ค. ก็นับเป็นเวลาหลังฉีดเกือบ 72 ชั่วโมงแล้วครับ

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

อ้าว !!!!! แล้วถ้าเป็นแบบนี้ก็แสดงว่าหนูมีโอกาศที่จะท้องใช่มั้ยค่ะคุณหมอ  

เรียน คุณ 44990,

หากเริ่มฉีดยาไม่เกินวันที่ 5 ของการมีประจำเดือน โอกาสในการตั้งครรภ์น้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ครับ

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล