กระดานสุขภาพ
สงสัยเรื่องยาคุมคะ | |
---|---|
13 มกราคม 2558 14:33:58 #1 1. การทานยาคุมต้องทานวันนที่ 1-5 ของประจำเดือน ซึ่งได้ทานตอนประจำเดือนหมด แต่ก็ประจำเดือนมาปกติเมื่อแผงแรกหมดและทานต่อมาสาม-สี่แผงแล้ว แบบนี้จะเป็นไรไหมคะ?? 2. การทานยาคุมนั้น มีอาหารต้องห้ามที่ห้ามกินไหม อาหารที่ทำให้ประสิทธิภาพยาลดลง เช่นผันนั่น นี่ น้ำอัดลม บลาๆๆ 3. ถ้าทานยาตอนท้องไม่ว่าง จะส่งผลต่อยาคุมไหม เช่น ดูดซึมช้ากว่าเวลาที่ทานปกติตอนท้องว่าง แล้วจะเป็นอะไรไหม 4. ถ้ามีเพศสัมพันธ์ในระหว่างที่ทานยาคุม และ พอยาคุมหมด ประจำเดือนมาปกติ สามารถเลิกทานได้เลยหรือไม่ และการเลิกทาน ต้องใใช้เวลาเท่าไหร่ จนกว่าประจำเดือนจะมาปกติ 5. หากดื่มนม แล้วควรเว้นระยะเวลาให้ห่างจากการทานยาคุมนานแค่ไหนในวันนั้น 6. หากอยากหยุดพักยาคุม ต้องหยุดนานแค่ไหนคะ และสามารถกลับมาทานต่อได้เมื่อครบกำหนดเท่าไหร่ ขอรบกวนคำตอบด้วยคะ อาจจะเยอะไปนิดนึง |
|
อายุ: 20 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 58 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.07 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
Haamor Admin(Admin) |
14 มกราคม 2558 14:17:14 #2 ถึง คุณ 65bf9 เนื่องจากเว็บไซต์เป็นที่สาธารณะ ดังนั้นเพื่อให้ข้อมูลเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากที่สุด ทางทีมงานจึงทำการซ่อนชื่อจริงของผู้ถามให้นะคะ โดยคุณ 65bf9 ยังสามารถติดตามคำตอบคุณหมอได้ที่กระทู้นี้ค่ะ และหากครั้งต่อไปคุณ 65bf9 ต้องการปกปิดชื่อตนเอง สามารถเลือก "ไม่แสดงภาพและชื่อของผู้โพส" ทางด้านขวาเวลาตั้งกระทู้คำถามใหม่ค่ะ |
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผลเภสัชกร |
15 มกราคม 2558 13:30:58 #3 เรียน คุณ 65bf9, 2. และ 5. รับประทานยา "ทุกชนิด" ด้วยน้ำเปล่าสะอาดเท่านั้น เนื่องจากเครื่องดื่มอื่น ๆอาจทำให้ตัวยาตกตะกอน เช่น ชา ชาเขียว กาแฟ นม (รวมถึงผลิตภัณฑ์จากนม) น้ำเต้าหู้ โกโก้ น้ำอัดลม หรือน้ำแร่ ร่างกายจึงไม่สามารถดูดซึมยาได้ทั้งหมด หรือน้ำผลไม้บางชนิดจะกระตุ้นให้ตับผลิตเอนไซม์ที่ใช้เผาผลาญยาออกมามากขึ้น ทำให้ตัวยาถูกกำจัดออกจากร่างกายเร็วขึ้น จนอาจไม่ออกฤทธิ์หรือ อาจเปลี่ยนเป็นสารพิษได้เร็วขึ้น เช่น น้ำส้มคั้น น้ำแอปเปิ้ล น้ำเกรปฟรุต น้ำแครนเบอร์รี ส่วนอาหารทั่วไปไม่พบว่ามีผลต่อการดูดซึมยา ยกเว้นผลิตภัณฑ์ที่มีกากใยสูง เช่น เม็ดแมงลัก หรือผลิตภัณฑ์ช่วยระบาย ที่จะลดการดูดซึม หรือเร่งการขับถ่ายยา "เกือบทุกชนิด" ทำให้ผลการออกฤทธิ์ของยาลดน้อยลง จนอาจไม่มีประสิทธิภาพได้ สว่นหากต้องการดื่มนมหรือน้ำเต้าหู้ อาหารพวกนี้ย่อยค่อนข้างยาก มีฤทธิ์ช่วยเคลือบทางเดินอาหาร เหมือนสมัยเรียนที่หากรับประทานสารพิษให้รับประทานไข่ขาวหรือนม เพื่อลดปริมาณการดูดซึม ดังนั้นควรรับประทานยาทุกชนิดก่อนประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้ตัวยาดูดซึมได้หมดก่อน 3. อาหารปกติทั่ว ๆไป ไม่ส่งผลต่อการดูดซึมยา ในบางรายหากมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนมาก จะแนะนำให้รับประทานยาหลังอาหารเย็น เพื่อให้ตัวยาค่อย ๆถูกดูดซึม ทำให้ระดับยาในเลือดค่อย ๆสูงขึ้น จนถึงระดับที่ออกฤทธิ์ได้ ดังนั้นอาหารมีผลให้การดูดซึมยา"ช้าลง" แต่ไม่มีผลต่อ "ปริมาณฮอร์โมน" ที่ร่างกายดูดซึม 4. กรณีต้องการคุมกำเนิดต่อเนื่อง ต้องรับประทานยาทุกวัน เพื่อให้ตัวยาออกฤทธิ์ต่อเนื่อง สม่ำเสมอ หากรับประทานยาได้อย่างถูกต้อง สมำ่เสมอ ไม่เคยลืมรับประทานยา เมื่อยาหมดแผงแล้ว ไม่ต้องสนใจว่าประจำเดือนจะมาหรือไม่ จะมาปริมาณมากหรือน้อย เมื่อครบกำหนดดังที่แจ้งในข้อ 1 แล้ว ก็ให้รับประทานยาแผงต่อไปได้เลย เมื่อคุณไม่ต้องการคุมกำเนิดแล้ว เมื่อยาหมดแผง ก็สามารถเลิกรับประทานยาได้เลย ส่วนใหญ่ประจำเดือนจะกลับสู่ปกติหลังจากหยุดยา 1-2 เดือน 6. จากผลการศึกษาวิจัย สามารถรับประทานยาคุมกำเนิดต่อเนื่องได้ติดต่อกันนาน 12 ปี โดยที่ไม่พบอาการไม่พึงประสงค์รุนแรงจากการใช้ยา ทั้งนี้ต้องมีการตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี เนื่องจากมีความแตกต่างทางกายภาพและพฤติกรรมสุขภาพ แต่ในทางการแพทย์ หากไม่ต้องการมีบุตรนานเกิน 5 ปี แนะนำให้ใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่น เช่นใส่ห่วงทองแดง หรือทำหมัน เพื่อไม่ต้องรับประทานยาคุมกำเนิดโดยไม่จำเป็น คุณสามารถเริ่มและหยุดรับประทานยาคุมกำเนิดปกติเมื่อหมดแผงได้เลย จะเริ่มหรือหยุดเมื่อใดก็ได้ ไม่มีข้อกำหนดเรื่องการหยุดพักการคุมกำเนิด แต่หากคุณหยุดรับประทานยาคุมกำเนิดไปมากกว่า 1 เดือน เมื่อจะกลับมาเริ่มรับประทานยาใหม่ก็ให้ปฏิบัติเหมือนการรับประทานยาแผงแรก ดังนั้นหากคุณยังไม่ได้แต่งงาน ไม่มีเพศสัมพันธ์เป็นประจำ แนะนำให้ใช้วิธีการสวมถุงยางอนามัยจะดีกว่านะครับ นอกจากช่วยคุมกำเนิดแล้วยังช่วยในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อ่น เริม ไวรัสตับอักเสบ บีหรือซี หรือโชคร้ายสุดคือไวรัสเอชไอวี ที่ทำให้เกิดโรคเอดส์ ที่ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาให้หายขาด นอกจากนี้ยังป้องกันไวรัสเอชพีวี (HPV - Human Papilloma Virus) ที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง หรือหูดหงอนไก่/มะเร็งองคชาติในเพศชายได้อีกด้วย แนะนำเพิ่มเติมหากมีข้อสงสัยเร่งด่วนเกี่ยวกับการใช้ยา สามารถสอบถามได้จากเภสัชกรร้านยา ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ ซึ่งอาจช้าไม่ทันการ หรือไม่ตรงกับความสงสัยของคุณจนเสี่ยงเป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์หรืออาจเสียงเป็นอันตรายต่อสุขภาพคุณได้ เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill) แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา สูตินรีแพทย์ |
Anonymous |
16 มกราคม 2558 08:49:48 #4 จากคำตอบข้อ2 ข้างต้น คือทานยาปกติเวลา23:40 แล้วนอน หากในระหว่างวันต้องการทานนม น้ำอัดลม จะสามารถเว้นระยะห่างเวลาอย่างน้อยกี่ชั่วโมงคะ และหากเป็นโรคกรดไหลย้อนจะมีผลต่อตัวยาที่ทานหรือไม่ |
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผลเภสัชกร |
19 มกราคม 2558 03:18:18 #5 เรียน คุณ 65bf9, ขอแยกตอบคำถามเป็นข้อ ๆนะครับ คือ - หากจะรับประทานยาคุมกำเนิด ต้องรับประทานยาก่อนนมหรือเครื่องดื่มอื่น ๆอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง ดังนั้นในระหว่างวัน ถ้าคุณไม่ได้รับประทานยาคุมกำเนิดตอนกลางวัน ก็ไม่มีผลใด ๆครับ ยกเว้นการดื่มน้ำผลไม้ชนิดที่แจ้งไปปริมาณมาก จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างน้ำย่อยจากตับ ที่เร่งการกำจัดยา (เกือบทุกชนิด) ได้มากและเร็วขึ้น ไม่ว่าจะเว้นห่างจากยาเท่าใด น้ำย่อยก็ยังคงมีอยู่ ทำให้ตัวยาถูกกำจัดเร็วขึ้น เสี่ยงต่อการใช้ยาอืน ๆไม่ได้ผล หรือเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ - การเป็นโรคกรดไหลย้อน ต้องขึ้นกับชนิดของยาที่ใช้ในการรักษาด้วย เช่นถ้าเป็นยาลดกรดเคลือบกระเพาะ ก็จะลดการดูดซึมของยา ต้องรับประทานยาคุมกำเนิดก่อนยาดังกล่าว 1-2 ชั่วโมง หรือยาบางชนิดที่ช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ถ้ารับประทานใกล้กัน ก็จะเร่งให้ตัวยาออกจากกระเพาะเร็วขึ้น การดูดซึมยาก็อาจเปลี่ยนแปลงไป หรือยาบางชนิดเมื่อปรับความเป็นกรดด่างในทางเดินอาหารก็อาจส่งผลให้ตัวยามีการละลายลดลง การดูดซึมยาก็เปลี่ยนไปด้วย แนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อเปรียบเทียบรายการยาที่ใช้ในการรักษาแต่ละชุด เมื่อมีการเปลี่ยนตัวยาแม้ตัวใดตัวหนึ่ง ต้องมีการประเมินข้อมูลใหม่ ทุกครั้ง ไม่สามารถตอบรวม ๆโดยที่ไม่ทราบชื่อตัวยาสำคัญไต้ครับ
เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล |
Anonymous