กระดานสุขภาพ

อยากทราบมากๆคะ
Anonymous

27 กันยายน 2557 06:55:55 #1

อยากทราบว่าถ้าจำเปนที่ต้องใช้ยาคุมกำเนิดจริงๆแต่ไม่อยากอ้วน ควรทำอย่างไรดีคะ

อายุ: 19 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 50 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.37 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

28 กันยายน 2557 15:35:45 #2

เรียน คุณ aa448,

ยาคุมกำเนิดในปัจจุบันมีปริมาณฮอร์โมนที่ลดน้อยลงกว่าสูตรเดิม ๆแล้ว แต่โดยทั่วไปของยาคุมกำเนิดประกอบด้วยฮอร์โมน 2 ชนิด คือ

  1. เอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้ร่างกายมีการเก็บกักน้ำ ทำให้ผิวพรรณนุ่มนวลแบบผู้หญิง
  2. โปรเจสโตรเจน เป็นฮอร์โมนที่ทำให้เยื่อบุผนังมดลูกหนาตัว มีการเก็บกักโปรตีน และสารอาหารที่จำเป็นเข้าสู่ร่างกาย

ดังนั้น หากมีความจำเป็นต้องมีการควบคุมอาหารร่วมด้วย คืองดอาหารเค็มจัดหรือมีเกลือโซเดียมสูง เนื่องจากเกลือโซเดียม จะทำให้ร่างกายมีการเก็บกักน้ำ ทำให้รู้สึกบวมน้ำได้ และควบคุมอาหารเน้นผักสด ผลไม้ที่มีรสไม่หวานจัด งดอาหารหวานมัน เนื่องจากจะทำให้เสริมผลของฮอร์โมนโปรเจสโตรเจน แต่ก่อนจะเริ่มต้นรับประทานยาคุมกำเนิด ควรไปตรวจร่างกายกับแพทย์ เพื่อดูว่ามีข้อห้ามใช้ใด ๆหรือไม่ เช่น มีก้อนที่เต้านม มีโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด ไมเกรนที่ควบคุมไม่ได้ด้วยยา โรคตับ หรือถุงน้ำดี

การเลือกยาคุมกำเนิด ต้องเลือกให้เหมาะสมกับปริมาณฮอร์โมนเพศทีมีในร่างกาย โดยดูจากลักษณะรูปร่าง และรูปแบบการมีประจำเดือน

- ถ้ามีเอสโตรเจนมาก มักจะมีรูปร่างส่วนโค้งเว้าชัดเจน มีหน้าอก รูขุมขนเล็ก ขนน้อย ผิวไม่มัน ประจำเดือนมักมาปริมาณมาก หรือมานานหลายวัน แพทย์มักเลือกยาคุมกำเนิดชนิดที่มีโปรเจสโตรเจนสูง เพื่อให้ฮอร์โมนเพศในร่างกายสมดุล

- ถ้ามีโปรเจสโตรเจนมาก มักมีรูปร่างค่อนข้างตรง รูขุมขนกว้าง ขนดก ผิวมัน ประจำเดือนมักมาปริมาณไม่มาก หรือมาน้อยวัน หรือรอบเดือนนานกว่า 30-35 วัน แพทย์มักเลือกยาคุมกำเนิดชนิดที่มีเอสโตรเจนสูง เพื่อให้ฮอร์โมนเพศในร่างกายสมดุล

ทั้งนี้ต้องขึ้นกับความทนได้ของการรับประทานยา เช่น หากมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนมาก จะปรับเป็นชนิดที่มีเอสโตรเจนน้อย ๆ แต่ก็อาจทำให้มีเลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างเดือน ส่วนใหญ่ผู้รับประทานยาจะทนอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาได้เอง ส่วนใหญ่ประมาณ 2-3 เดือน

แต่กรณีที่ยังไม่ได้แต่งงาน แนะนำให้ใช้วิธีการสวมถุงยางอนามัยจะดีกว่านะครับ จะได้ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน พยาธิในช่องคลอด ไวรัสตับอักเสบชนิด บี หรือซี หรือร้ายสุดคือ เอชไอวี หรือ เอดส์ที่ปัจจุบันยังไม่มีทางรักษา นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไวรัส เอชพีวี ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก หรือหูดหงอนไก่ หรือมะเร็งองคชาติในเพศชายอีกด้วย

 

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเรา

ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill) โดย แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา สูตินรีแพทย์