กระดานสุขภาพ

เรื่อง ยาคุมฉุกเฉินค่ะ
Ring*****o

25 สิงหาคม 2557 03:01:10 #1

สวัสดีค่ะ คุณหมอ

ดิฉันมีเรื่องจะปรึกษาค่ะ

คือ ก่อนหน้านี้ สองเดือน ดิฉันทานยาคุมกำเนิดแบบทานทุกวันค่ะ รอบเดือนก็จะมาตรงเป๊ะๆ 28 วัน

หยุดทานยาคุมปกติในรอบเดือนกรกฎาคม คือ ประจำเดือนมาวันที่ 6 กรฎาคม หลังจากประจำเดือนหมดก็หยุดทานยาคุม เนื่องจากไม่สะดวกจะทานทุกวัน

ในวันที่ 29 กรกฎาคม มี เพศสัมพันธุ์กับแฟน และ ทานยาคุมฉุกเฉินเม็ดแรกทันที และอีก 12 ชม ทานเม็ดที่ 2

ต่อจากนั้นวันที่ 4 เดือนสิงหาคมเลือดคล้ายประจำเดือนก็ออกมา คือดิฉันไม่มั่นใจว่า เป็นเลือดโฮโมน หรือ เลือดประจำเดือนค่ะ

และล่าสุด ดิฉันมีเพศสัมพันธุ์กับแฟน ในวันที่ 18 และทานยาคุมฉุกเฉินวันที่ 19 เม็ดแรก ภายใน 24 ชม และเม็ดที่สอง ภายใน 12 ชั่วโมง

วันนี้ วันที่ 25 เลือดคล้ายประจำเดือนก็ออกมาค่ะ 

คือ อยากจะทราบว่า :

  • แบบนี้เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ไหมคะ
  • สามารถเริ่มยาคุมแบบปกติทานทุกวันได้เลยหรือไม่คะ
  • จำเป็นต้องรอให้รอบเดือนปกติมาก่อนไหมคะ ถึงจะเริ่มยาคุมแบบปกติ

นี้เป็นการทานยาคุมฉุกเฉินครั้งแรกในชีวิตค่ะ แฟนหลั่งนอกทุกครั้ง แต่ก็อยากจะทานยาคุมฉุกเฉินกันไว้ก่อนน่ะค่ะ

 

ขอบคุณค่ะ

 

อายุ: 27 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 65 กก. ส่วนสูง: 155ซม. ดัชนีมวลกาย : 27.06 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

27 สิงหาคม 2557 10:01:00 #2

เรียน คุณ ringngo,

จากข้อมูลที่คุณให้มานั้น เป็นเลือดที่เกิดจากการรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ที่มีกลไกในการป้องกันการตัังครรภ์จาก

1. ทำให้เยื่อเมือกที่ปากมดลูกหนาตัว จนตัวอสุจิผ่านไปได้ยาก

2. ทำให้ท่อนำไข่บีบตัวช้าลง จนไข่เดินทางมาช้า จนอาจช้าเกินกว่าจะผสมกับตัวอสุจิ

3. ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวมากขึ้น จนไข่กับอสุจิที่ผสมกันแล้ว ฝังตัวได้ยากขึ้น

จากข้อ 3 นี้เอง ที่เมื่อฮอร์โมนยาคุมกำเนิดฉุกเฉินลดระดับลง จะทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกที่หนาตัว ฉีกขาด หลุดลอก จนคล้ายกับเลือดประจำเดือน ดังนั้น ทั้ง 2 ชุดที่คุณรับประทานไป จะทำให้รอบประจำเดือนคลาดเคลื่อนช้าลงไป หรืออาจไม่มาตามกำหนดเดิม ส่วนใหญ่จะช้ากว่ากำหนดเดิมประมาณ 7-10 วัน หากเลยกำหนดที่ประจำเดือนควรจะมา 14 วัน แนะนำให้ใช้ชุดตรวจการตั้งครรภ์เพื่อทดสอบว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่

- หากคุณจะกลับมารับประทานยาคุมกำเนิดปกติ ต้องรอจนกว่าประจำเดือนจะมา หรือไปพบแพทย์เพื่อเจาะเลือดตรวจฮอร์โมนเพศว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ เมื่อประจำเดือนมาตามปกติ ให้รับประทานยาคุมกำเนิดปกติ เม็ดแรกภายในวันแรกของการมีประจำเดือน (ช้าสุดไม่เกินวันที่ 5 ของการมีประจำเดือน) เพื่อให้ยาคุมกำเนิดออกฤทธิ์ยับยั้งไม่ให้มีไข่ตกได้ตั้งแต่ 24 ชั่วโมงแรกของการรับประทานยาเม็ดแรก

- โอกาสเสี่ยงในการตั้งครรภ์มีอยู่แล้วครับ หากมีการสอดใส่ ไม่ว่าจะเป็นการหลั่งภายในหรือภายนอกร่างกาย

ขอแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉฺิน จากข้อมูลบริษัทยาแจ้งว่าไม่ควรรับประทานยาเกิน 2 ชุดต่อเดือน เนื่องจากจะเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูก ซึ่งมักพบที่ปีกมดลูกหรือท่อนำไข่ ซึ่งเป็นเนื้อเยื่ออ่อน ขยายตัวได้น้อย จึงมักทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตจากภาวะเลือดออกในช่องท้อง แต่จากข้อมูลการศึกษาวิจัยย้อนหลังพบว่าสตรีที่ได้รับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินที่มีฮอร์โมนสูงมาก (1500 ไมโครกรัม เทียบกับแบบปกติ 50-75 ไมโครกรัม) ที่มากเกินกว่า 3 ครั้งตลอดชีวิตจะพบอัตราเสี่ยงในการเกิดมะเร็งมากกว่าสตรีที่ไม่เคยได้รับยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมาก่อน ที่พบมากคือมะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูกหรือรังไข่ หรือมะเร็งตับ หากต้องการคุมกำเนิดโดยที่ยังไม่ได้แต่งงาน แนะนำให้ใช้วิธีการสวมถุงยางอนามัย เพื่อคุมกำเนิดและยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน ตับอักเสบ บีและซี หรือร้ายสุดคือเอดส์ ซึ่งยังไม่มียารักษา ตายสถานเดียว นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV.) ซึ่งเป็นเชื้อที่กระตุ้นให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิงและทำให้เกิดมะเร็งองคชาติและหูดหงอนไก่ในเพศชายอีกด้วย 

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ยาเร่งด่วน ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ เนื่องจากอาจช้าไม่ทันการ จนเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณได้ คุณสามารถสอบถามได้จากแพทย์หรือเภสัชกรร้านยาทันที เพื่อได้รับประโยชน์จากการใช้ยาสูงสุด และเกิดอันตรายน้อยที่สุด

อย่าลืมนะครับ ลูกกับโรค คุณเลือกได้เสมอ

 

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

http://haamor.com/th/การคุมกำเนิด/