กระดานสุขภาพ

กังวลมากค่ะ ทานยาคุม + Rifampicin + Ciprofloxacin
Oilz*****d

3 พฤษภาคม 2557 00:50:46 #1

สวัสดีค่ะ หนูมีเรื่องจะสอบถามนะคะ ปกติหนูคุมกำเนิดโดยทานยาคุม Yasmin ทานมาแล้วแผงที่ 3
ยาคุมเพิ่งหมดไป เมื่อวัน พฤหัสที่ 1 พฤษภาคมนี้เองค่ะ
ก่อนหน้านั้น วันพฤหัสที่ 24 เมษายน หนูเป็นกระเพาะปัสสวะอักเสบ จึงไปร้านขายยาเพื่อซื้อยา
ก็บอกอาการเภสัชกรไปตามปกติ พร้อมบอกด้วยว่ากำลังทานยาคุมอยู่ ปรากฎว่าเภสัชจ่ายยา Rifampicin มาให้ เป็นขวดเล็กๆ เม็ดแคปซูลสีแดง 3 เม็ด

หนูก็ไม่ได้เอะใจอะไร เขายังบอกอีกว่าทานร่วมกับยาคุมได้ตามปกติ???

ด้วยความที่ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยจนทนไม่ไหว หนูจึงได้ทานยาไป 3 เม็ด (เภสัชเขาบอกให้ทานทีเดียวพร้อมกันได้เลย 3 เม็ดรวด??)
หลังจากทานไปอาการก็ไม่ดีขึ้น หนูเห็นชื่อตัวยาแล้วคุ้นๆ จึงเปิดเน็ตดูพบว่าเป็นยาสำหรับแก้วัณโรค อีกทั้งยาตัวนี้ยังลดประสิทธิภาพของยาคุมที่ทานอยู่อีกด้วย
หนูเครียดมากจึงหยิบยาไปให้เภสัชกรอีกร้านหนึ่งดู เขาก็บอกแบบเดียวกับที่หนูค้นในเว็บว่าเป็นยาสำหรับวัณโรค พร้อมสงสัยว่าจะจ่ายยาตัวนี้ทำไม ทำไมจึงไท่จ่ายยาทีแก้อาการตรงจุดไปเลย

เภสัชกรร้านใหม่จึงจ่ายยา Ciprofloxacin 400mg มาให้ ให้ทานให้หมดใน 5 วัน และระหว่างนั้นหากมีเพศสัมพันธ์ก็ให้คุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นไปด้วย
ตลอดเวลาที่ทานยาหนูไม่ได้มีเพศสัมพันธ์เลยค่ะเพราะกลัวพลาด และหนูก็ทานยาคุมต่อเนื่องมาตลอด

เภสัชเขาบอกว่าจะหลั่งข้างในได้หลังจากากทานยาหมดประมาณ 3 วัน


จนมาวันพุธที่ 30 เมษายน หนูเหมือนมีประจำเดือนออกมาทั้งๆ ที่ยาคุมยังเหลืออีก 2 เม็ด (ปกติหนูทานยาคุมก่อนนอนค่ะ และประจำเดือนจะมาเมื่อยาคุมหมดไป 2-3 วัน) ก็ยังสงสัยอยู่ว่าเป็นเพราะผลของยาทั้งสองตัวที่ทานไปหรือป่าว
แต่คือครั้งนี้มาก่อน มาไม่เยอะ กระปิดกระปอย ไม่เหมือนปกติ จนวันนี้ 3 พฤษภา หนูกับแฟนได้มีเพศสัมพันธ์กันแบบหลั่งข้างใน แต่เลือดที่หนูคิดว่าเป็นประจำเดือนก็ยังไม่หมดนะคะ เหลือจางๆ

#หนูอยากทราบว่ามีโอกาสท้องไหมคะ เมื่อดูแล้วหนูกับแฟนมีเพศสัมพันธ์กันในช่วงเว้น 7 เว้นของการทานยาพอดี แล้วประจำเดือนจะยังมาอีกมั้ย
#แล้วหากหนูจำเป้นที่จะต้องทานยาปฏิชีวนะอีก เมื่อทานยาหมดกี่วันถึงจะมีเพศสัมพันธ์กันได้ตามปกติคะ

#ช่วงนี้หนูเป็นไมเกรนบ่อยมาก ทราบว่ายาคุมมีผล หากหนูต้องทานยา Iburofen จะมีผลกับยาคุมที่ทานมั้ยคะ

ขอบคุณล่วงหน้านะคะ :))

อายุ: 23 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 45 กก. ส่วนสูง: 147ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.82 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

4 พฤษภาคม 2557 16:04:29 #2

เรียน คุณ oilz_ptrwd

จากข้อมูลทีคุณให้มาสรุปคือคุณรับประทานยาปฏิชีวนะไปทั้งสองตัว ถูกต้องไหมครับ 24 เม.ย. 57 - rifampicin 3 เม็ดครั้งเดียว 25 หรือ 26 เม.ย. 57 -30 เม.ย. 57 รับประทานยา ciprofloxacin 400 mg เช้า เย็น ติดต่อกัน 5 วัน

  • ประจำเดือนที่มาก่อนกำหนดในวันที่ 30 เม.ย. 57 คือผลจากการที่ยาปฏิชีวนะ เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา ทำให้ลดระดับยาคุมกำเนิด จนระดับฮอร์โมนในเลือดลดต่ำลง และเยื่อบุผนังมดลูกเกิดการ ฉีกขาดและหลุดลอกก่อนกำหนดที่ยาจะหมด
  • การที่จะบอกว่าเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นั้น น่าจะน้อยนะครับ เนื่องจากเป็นช่วงหลังของการตกไข่ และเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาพอดี ประจำเดือนคงไม่มาอีกแล้วครับ
  • เมื่อยาหมดแล้ว ให้รับประทานยาแผงต่อไปทันทีเลยครับ ยาจะได้ยับยั้งไม่ให้มีไข่ตกได้ตั้งแต่เม็ดแรกของการรับประทานยาครบ 24 ชั่วโมง
  • หากจำเป็นต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ แล้วต้องยาหมดกี่วันคงตอบยากครับ เนื่องจากยาแต่ละตัวมีค่าครึ่งชีวิตแตกต่างกัน คงต้องสอบถามเภสัชกรในแต่ละครั้ง ส่วนใหญ่แนะนำให้ใช้วิธีสวมถุงยางอนามัยร่วมด้วย ทั้งขณะที่กำลังรับประทานยาปฏิชีวนะและหลังจากยาปฏิชีวนะหมดแล้วประมาณ 7 วัน
  • ถ้าเป็นไมเกรนบ่อย แนะนำให้ปรับพฤติกรรมก่อนนะครับ ไม่แนะนำให้ใช้ยาพร่ำเพรื่อ ยาบางตัว เช่น พวกที่มีส่วนผสมของ caffeine + ergotamine มักทำให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา หรือยาตีกัน กับยาหลายตัว ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร อาการที่รุนแรงอาจถึงขั้นต้องตัดแขนหรือขาเลยนะครับ หากอาการไมเกรนไม่ดีขึ้น หรือเป็นบ่อยกว่าเดิม แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป ถ้าเป็นมากขึ้น อาจต้องยกเลิกการรับประทานยาคุมกำเนิด เนื่องจากเป็นหนึ่งในข้อห้ามใช้ ของยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน คือไมเกรนที่รุนแรงหรือไม่สามารถคุมอาการได้
  • การรับประทานร่วมกับยาแก้ปวด อักเสบของกล้ามเนื้อหรือกระดูก เช่น ibuprofen, mefenamic acid อาจส่งผลต่อระดับฮอร์โมนได้ หรือบางรายอาจเกิดภาวะประจำเดือนมาผิดปกติได้ ไม่ควรใช้ยาร่วมกัน หรืออาจรับประทานพาราเซตามอล ร่วมกับการนอนพัก ในที่มืดสนิทครับ ไม่เครียด ไม่อดนอน งดชา กาแฟ น้ำอัดลม โกโก้ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการกระตุ้นให้เกิดไมเกรนได้

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล