เรียน คุณ FaFa,

เนื่องจากไม่ทราบส่วนประกอบและไม่สนับสนุนให้รับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆครับ แต่ขอตอบสำหรับโดยหลักการทั่วไป คือ ไม่แนะนำให้รับประทานยาพร้อมนม เนื่องจากอาจจับตัวตกตะกอน และลดการดูดซึมยาใด ๆ ทางการแพทย์แนะนำให้รับประทานยาด้วยน้ำเปล่าสะอาดเท่านั้น

หากจำเป็นต้องดื่มนม ให้ดื่มหลังจากยาอย่างน้อย 2 ชั่วโมงครับ จากวิชาสุขศึกษาสมัยเด็ก ๆ คงมีการแนะนำให้ดื่มนมหรือรับประทานไข่ขาวดิบ เพื่อลดการดูดซึมสารพิษครับ

จากข้อมูลส่วนบุคคลไม่แนะนำให้ดื่มนมก่อนนอนนะครับ เนื่องจากเสี่ยงต่อน้ำหนักที่อาจเพิ่มขึ้น และอาจเสี่ยงต่อภาวะกรดไหลย้อน (หนึ่งนมเป็นโปรตีน ร่างกายต้องมีการหลั่งกรดออกมาเพื่อช่วยย่อย สองนมมีฤทธิ์เป็นด่าง ทำให้ร่างกายต้องหลั่งกรดออกมาเพื่อปรับให้กระเพาะอาหารกลับมาเป็นกรดเหมือนเดิม คุณเคยเห็นเด็กทารกดื่มนมแล้วแหวะนมเป็นก้อนโปรตีนแบบนั้นนะครับ

แนะนำให้รับประทานหลังอาหารเช้าจะดีกว่าครับ จะได้ย่อยให้หมด และนำไปใช้งานได้ หากจะลดน้ำหนัก แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อตรวจร่างกายว่ามีปัญหาด้านสุขภาพอื่นหรือไม่ เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง ฯ
ช่วงแรก แนะนำให้ใช้วิธีว่ายน้ำก่อน เพื่อให้น้ำพยุงน้ำหนัก ลดแรงกดที่ข้อเข่าและข้อเท้า

จากนั้น เมื่อน้ำหนักลดลงแล้ว อาจใช้วิธีวิ่ง หรือ เต้นแอโรบิก ต้องร่วมกับการควบคุมอาหาร ลดอาหารจำพวกแป้ง หรือหากจำเป็นให้เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต เพิ่มโปรตีนที่ย่อยง่าย เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ (ไม่ติดหนัง) เน้นอาหารจำพวกผักสด ผลไม้ ที่มีรสไม่หวานจัด เน้นพวกที่มีกากใยสูง ตามที่โฆษณา ผักครึ่งนึง อย่างอื่นครึ่งนึง การปรุงอาหารเน้นจำพวกนึ่ง หรือต้มก่อน ปิ้ง ก่อนผัด และก่อนทอด รับประทานอาหารเพียงครึ่งเดียวของอาหารที่คุณสั่ง หรือหากทำอาหารรับประทานเอง ให้ใช้จานชามที่มีขนาดเล็กลง ระหว่างรับประทานอาหารให้ดื่มน้ำสะอาดร่วมด้วย จะได้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น หากรู้สึกหิวระหว่างมื้อ อาจรับประทานผักสด ผลไม้ ที่มีกากใยสูง เช่น แครอท ฝรั่งสด กล้วยน้ำว้า เสริมระหว่างมื้อ จากนั้นดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ ควรดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 3 ลิตรต่อวัน เพื่อช่วยเรื่องป้องกันอาการหิว หรืออาการท้องผูก นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรนอนดึกเกิน 23.00 น. เพื่อให้สมองได้มีการหลั่ง Growth Hormone เพื่อช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย และไม่มีการหลั่งฮอร์โมนสเตียรอยด์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความเครียด ร่างกายเมื่อได้รับสเตียรอยด์ จะทำการเก็บกักอาหาร เพื่อเอาตัวรอด ทั้งเกลือ (บวมน้ำ) น้ำตาล (แป้งในตับ หรือไขมันในเลือด) ไม่มีการตกไข่ (ประจำเดือนผิดปกติ หรือมากะปริบกะปรอย) หากปฏิบัติตามนี้แล้วน้ำหนักยังไม่ดีขึ้น แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อทำการตรวจร่างกายเพิ่มเติม ว่ามีสาเหตุอื่นหรือไม่ เช่น โรคตับ เบาหวาน ธัยรอยด์ไม่ทำงาน เป็นต้น

เป็นกำลังใจให้ครับ

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

ขอบคุณมากๆ ค่ะ ^____^